เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
จากสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังวิกฤติอยู่ในขณะนี้ บรรดาพี่น้องผู้ประสบภัยต่างเดือดร้อนกันเป็นจำนวนมาก หลายคนไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงต่าง ๆ ใครที่มีเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักก็อาจจะลำบากหน่อย เพราะต้องนำไปฝากไว้ยังศูนย์ต่าง ๆ แต่นอกจากเจ้าสัตว์เลี้ยงแล้ว บรรดาต้นไม้ที่ต้องถูกทิ้งไว้กับน้ำท่วมขัง ก็เป็นที่น่าเห็นใจเช่นกัน โดยเฉพาะกับคนรักต้นไม้ ที่กว่าจะฟูมฟักประคบประหงมให้ต้นไม้ออกดอกงาม ได้ผลดีขนาดนี้ กลับต้องมาแช่ตัวอยู่ในน้ำท่วมนานนับเดือน บางต้นที่ใหญ่หน่อย ก็อาจจะรอดบ้าง แต่ถ้าเป็นต้นเล็ก ๆ อาการคงร่อแร่แน่ ๆ .. เอ้า! อย่ารอช้า วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีที่ช่วยดูแล และฟื้นฟู ต้นไม้หลังน้ำท่วมมาฝากกันค่ะ ...
โดยธรรมชาติของต้นไม้ทุกชนิดจะมีรากคอยหาออกซิเจน และแร่ธาตุส่งไปเลี้ยงยังลำต้น และเมื่อน้ำท่วม รากก็จะหมดโอกาสดูดซึมออกซิเจนไปเลี้ยงยังส่วนต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ก็ยังพอต้นไม้บางชนิดที่มีรากแข็งแรงสามารถทนน้ำท่วมนาน ๆ หลายวันได้อยู่บ้าง เช่น ต้นมะขาม พุทรา เป็นต้น
ส่วนความสามารถของต้นไม้ที่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างด้วยกันดังนี้...
1. ชนิดของต้นไม้ จำพวกไม้ผล ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มที่อ่อนแออย่างมาก ต้นไม้ผลในกลุ่มจะตายภายในหลังน้ำท่วมขังเพียง 24 ชั่วโมง ได้แก่ มะละกอ จำปาดะ
กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่อ่อนแอ แต่สามารถทนอยู่ในน้ำท่วมขังได้ประมาณ 3-5 วัน ได้แก่ กล้วย ส้มเขียวหวาน ทุเรียน มะม่วงกะล่อน มะนาว ขนุน
กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มที่ทนทานได้เล็กน้อย ซึ่งต้นไม้ในกลุ่มนี้อาจสามารถอยู่ได้ระหว่าง 7-15 วัน ได้แก่ ชมพู่ พุทรา ละมุด มะขาม มะพร้าว
2. สภาพของน้ำท่วมขัง ถ้าหากเป็นน้ำไหลผ่าน ต้นไม้ก็มีโอกาสรอดชีวิตได้สูงกว่า น้ำที่ท่วมขังเป็นเวลานาน
3. สภาพความสมบูรณ์ของต้นไม้ ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างดีต้นไม้จะมีอาหารสะสมอยู่มาก และถ้าหากประสบภาวะน้ำท่วมขัง ก็สามารถทนอยู่ได้นานกว่า ต้นไม้ที่ไม่มีการดูแลอย่างใกล้ชิด
4. อายุหรือขนาดของต้นไม้ผล ต้นไม้ที่มีอายุนานกว่า จะมีรากที่ใหญ่กว่า และสามารถทนน้ำท่วมได้มากกว่าต้นไม้เล็ก
ส่วนวิธีดูแลบำบัดต้นไม้หลังน้ำลด มีดังนี้ ...
1. หลังจากน้ำท่วมสภาพดินจะชุ่มน้ำมาก เพราะฉะนั้นไม่ควรเดินย่ำรอบ ๆ ต้นไม้ หรือกดดินให้แน่น เพราะจะไปลดช่องว่างสำหรับอากาศในดินที่ใช้รากหายใจ
2. รากต้นไม้ซึ่งกำลังอมกับน้ำมากนั้น เราจะช่วยให้น้ำระบายออกมาจากบริเวณรากได้ โดยการขุดหลุมลึกสัก 50 เซนติเมตร ข้าง ๆ กับต้นไม้เพื่อให้น้ำซึมออกมาจากบริเวณราก แล้วหมั่นตักน้ำออกจากหลุม
3. ถ้าต้นไม้ดูอ่อนปวกเปียก ทรงตัวไม่ดี อย่ากดดินให้แน่น ให้หาไม้มาค้ำยันไว้แทน
4. งดให้ปุ๋ยโดยเด็ดขาด ให้รอจนกว่าต้นไม้เริ่มผลัดใบใหม่ เพราะการผลัดใบนั่นคือ สัญญาณที่แสดงว่า ต้นไม้ต้นนั้นรอดตายแน่ ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- thaihomemaster.com