เขื่อนภูมิพล
กฟผ. ยันเขื่อนปล่อยน้ำแค่ 20% ไม่ใช่สาเหตุทำน้ำท่วมภาคกลาง ชี้ ชลประทาน ขาดระบบรองรับ
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 11-12 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการระบุว่าการปล่อยน้ำจากเขื่อนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งนี้นั้น ยืนยันว่าการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ไม่ได้เป็นต้นเหตุให้เกิดน้ำท่วมในครั้งนี้แน่นอน เนื่องจากในช่วงที่เกิดน้ำท่วมหนักคือระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค.54 น้ำที่ระบายจากเขื่อนภูมิพลอยู่ในระดับ 2,722 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์อยู่ที่ 2,725 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ปริมาณน้ำที่มาจากภาคเหนือและลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนที่ไหลลงมารวมที่ภาคกลางและ กทม. ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค.2554 รวมทั้งหมดที่ 21,039 ล้าน ลบ.ม.
ดังนั้น สัดส่วนน้ำที่มาจากเขื่อนทั้งสองอยู่ในสัดส่วน 20% ขณะที่อีก 80% เป็นปริมาณน้ำจากแม่น้ำต่าง ๆ ที่ไม่มีระบบชลประทานรองรับและน้ำทุ่ง ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของปริมาณน้ำจำนวนมากที่ท่วมในพื้นที่ภาคกลางและบริเวณ กทม.และปริมณฑล เช่น แม่น้ำยม ที่ไม่มีระบบชลประทาน ทำให้มีปริมาณน้ำบ่าถึง 6,611 ล้าน ลบ.ม.ในช่วงเวลาดังกล่าว และแม่น้ำวัง ที่มีเพียงเขื่อนกิ่วลมและกิ่วคอหมา ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดเล็ก ความจุเพียง 276 ล้าน ลบ.ม.รองรับ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงมาเติมรวม 1,756 ล้าน ลบ.ม. รวมถึงน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังจาก จ.อุทัยธานี ที่ไม่มีระบบชลประทานเช่นเดียวกัน และเข้ามาเติมน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาอีก 2,738 ล้าน ลบ.ม. จึงเป็นสาเหตุของน้ำท่วมครั้งนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 11-12 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการระบุว่าการปล่อยน้ำจากเขื่อนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งนี้นั้น ยืนยันว่าการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ไม่ได้เป็นต้นเหตุให้เกิดน้ำท่วมในครั้งนี้แน่นอน เนื่องจากในช่วงที่เกิดน้ำท่วมหนักคือระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค.54 น้ำที่ระบายจากเขื่อนภูมิพลอยู่ในระดับ 2,722 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์อยู่ที่ 2,725 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ปริมาณน้ำที่มาจากภาคเหนือและลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนที่ไหลลงมารวมที่ภาคกลางและ กทม. ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค.2554 รวมทั้งหมดที่ 21,039 ล้าน ลบ.ม.
ดังนั้น สัดส่วนน้ำที่มาจากเขื่อนทั้งสองอยู่ในสัดส่วน 20% ขณะที่อีก 80% เป็นปริมาณน้ำจากแม่น้ำต่าง ๆ ที่ไม่มีระบบชลประทานรองรับและน้ำทุ่ง ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของปริมาณน้ำจำนวนมากที่ท่วมในพื้นที่ภาคกลางและบริเวณ กทม.และปริมณฑล เช่น แม่น้ำยม ที่ไม่มีระบบชลประทาน ทำให้มีปริมาณน้ำบ่าถึง 6,611 ล้าน ลบ.ม.ในช่วงเวลาดังกล่าว และแม่น้ำวัง ที่มีเพียงเขื่อนกิ่วลมและกิ่วคอหมา ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดเล็ก ความจุเพียง 276 ล้าน ลบ.ม.รองรับ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงมาเติมรวม 1,756 ล้าน ลบ.ม. รวมถึงน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังจาก จ.อุทัยธานี ที่ไม่มีระบบชลประทานเช่นเดียวกัน และเข้ามาเติมน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาอีก 2,738 ล้าน ลบ.ม. จึงเป็นสาเหตุของน้ำท่วมครั้งนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
