เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
รฟท.แจงไม่ต่อสัญญาเช่าตลาดนัดจตุจักรให้ กทม. เหตุ กทม.ไม่ยอมรับเงื่อนไข ด้าน กทม.ระบุค่าเช่าการรถไฟเสนอมาแพง หากยอมรับอาจต้องขึ้นค่าเช่าพื้นที่จากผู้ค้า
จากกรณีที่กลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรเข้าร้องเรียนว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาแจ้งให้ผู้ค้ายื่นสิทธิในการขายต่อกับการรถไฟฯ ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในระหว่างการทำสัญญาเช่าใหม่ ระหว่างการรถไฟฯ กับ กทม. ส่งผลผู้ค้าเกิดความกังวลในเรื่องสิทธิในการค้าที่ตลาดนัดจตุจักรตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นายทวีศักดิ์ สุทธิเสริม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน รฟท. กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ กทม.ส่งมอบพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรคืนภายในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2555 แล้ว และคงจะไม่ต้องเจรจาอะไรกับทาง กทม.อีก เพราะทาง กทม.ไม่ยอมรับเงื่อนไขเรื่องการปรับขึ้นค่าเช่าที่ทางรถไฟฯ เสนอไป คือ ปีละ 420 ล้านบาท ดังนั้น การรถไฟฯ จึงไม่ต่อสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวให้ กทม. และทางการรถไฟฯ จะเข้าไปบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรเองทั้งหมด โดยจะเริ่มทำสัญญากับผู้ค้ารายเดิม ซึ่งจะคิดอัตราค่าเช่าในราคาเดิมก่อนในช่วงแรก และหากปรับปรุงตลาดใหม่แล้วจะคิดค่าเช่าในอัตราใหม่
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่ กทม.อ้างว่า จากมติ ครม.เมื่อปี พ.ศ.2522 ให้ กทม.เป็นผู้เข้าไปจัดการบริหารตลาดนัดจตุจักรได้นั้น จริง ๆ แล้ว ในรายละเอียดได้ระบุด้วยว่า ข้อตกลงต่าง ๆ ต้องตกลงและเจรจากับทางการรถไฟฯ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ด้วย
ขณะที่นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้กล่าวถึงปัญหาการบริหารจัดการพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรนี้ว่า จะได้ข้อสรุปชัดเจนภายใน 1 เดือนนี้ โดยทาง รฟท.เตรียมตั้งบริษัทลูก ชื่อว่า บริษัท ตลาดนัดจตุจักร รฟท. จำกัด ที่ รฟท.ถือหุ้น 100% เพื่อเข้ามาบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักร โดนจะเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าบอร์ด รฟท.เพื่อขออนุมัติก่อน หากได้รับการอนุมัติแล้วจะส่งต่อให้กระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอให้ที่ประชุม ครม. รับทราบต่อไป
ด้านนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า สาเหตุที่ กทม.ไม่ยอมรับเงื่อนไขของการรถไฟฯ เพราะค่าเช่าที่การรถไฟฯ เสนอมาปีละ 420 ล้านบาทนั้นสูงเกินไป ทาง กทม.จึงได้ยืนยันไปว่า อัตราค่าเช่าที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 97.45 ล้านบาท เพื่อจะได้ไม่สร้างภาระให้กับผู้ค้าและประชาชนมาก เพราะหากคิดค่าเช่า 420 ล้านบาทต่อปีจะทำให้ค่าเช่าพื้นที่แพงขึ้น อย่างไรก็ตาม กทม.ก็จะยังคงบริหารพื้นที่ส่วนนี้ต่อไปจนกว่าข้อพิพาทจะยุติ โดยวันที่ 2 ธันวาคมนี้จะมีการหารือกันที่ประชุมคณะทำงานอีกครั้ง
