500 เศรษฐีหุ้นไทย ปี 54 จนลง 24,156
ล้านบาท "ทองมา" บิ๊กพฤกษา ยังครองแชมป์ปีที่ 2 ติดต่อกัน ถือหุ้นมูลค่า
18,520 ล้านบาท ความมั่งคั่งลดลง 12,901.92 ล้านบาท "วิชัย ทองแตง -
หมอเสริฐ" ติดท็อปไฟว์ รวยหุ้นเดี่ยว
วารสารการเงินธนาคาร
ร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้จัดอันดับเศรษฐีหุ้นในปี 2554 พบว่า ความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้น 500
อันดับแรกของเมืองไทย ลดลงจากปี 2553 ถึง 24,156 ล้านบาท หรือ 3.5 %
เท่ากับจนลงเฉลี่ยวันละ 66.18 ล้านบาท
จากการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุด ก่อนวันที่ 30 ก.ย. 2554 จำนวน 5,480
ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 666,075 ล้านบาท
ทั้งนี้ความมั่งคั่งลดลง เนื่องจากดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30
ก.ย. 2554 ตกลงจาก 975.30 ในปี 2553 มาอยู่ที่ 916.21
ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ลดลงเหลือ
7,502,277.19 ล้านบาท โดยมีมูลค่าลดลงถึง 390,807.82 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ
บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ยังสามารถครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 18,520.34 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS และหุ้น บริษัท
ซีฟโก้ (SEAFCO) ทั้งนี้ ความมั่งคั่งของ นายทองมา มีมูลค่าลดลงถึง
12,901.92 ล้านบาท
อันดับ 2 ได้แก่ นายอนันต์ อัศวโภคิน
ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
อดีตแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 7 ปีซ้อน ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 15,490.82 ล้านบาท
รวยลดลง 2,144.49 ล้านบาท
อันดับ 3 ได้แก่ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยถือหุ้น BTS รวมมูลค่า 12,742.83
ล้านบาท ลดลง 5,073.31 ล้านบาท
อันดับ 4 ได้แก่ นายวิชัย ทองแตง ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH)
หรือโรงพยาบาลกรุงเทพ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 11,804.14 ล้านบาท
อันดับ 5 ได้แก่ น.พ.ปราเสริฐ
ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH)
หรือโรงพยาบาลกรุงเทพ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 11 ในปี 2553
โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า 9,870.25 ล้านบาท รวยขึ้น 3,772.17 ล้านบาท
นอกจากนี้ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ
อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้จัดอันดับเศรษฐีหุ้นในปี 2554 พบว่า ความมั่งคั่งของตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย
ประจำปี 2554 ได้แก่ ตระกูลมาลีนนท์ ที่ครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 13
รวมมูลค่าความมั่งคั่ง 33,805.47 ล้านบาท ลดลง 10,370.99 ล้านบาท
เนื่องจากราคาหุ้น บริษัทบีอีซี เวิลด์ (BEC) ปรับตัวลดลงจาก 38.75 บาท
เหลือ 36.75 บาท
อันดับ 2 ได้แก่ ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดยครอบครัวนี้
ถือครองหุ้น บริษัทพฤกษาฯ รวมมูลค่า 22,166.84 ล้านบาท รวยลดลงถึง
15,451.92 ล้านบาท
อันดับ 3 ได้แก่ ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ปีนี้ขึ้นจากอันดับ 5
มาอยู่ในอันดับ 3 โดยเครือญาติในตระกูล 26 คน ถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น
21,340.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,015.39 ล้านบาท
อันดับ 4 ได้แก่ ตระกูลอัศวโภคิน ปีนี้ตกลงไปอยู่อันดับ 4 โดย 7 เครือญาติ ถือครองหุ้น
รวมมูลค่าทั้งสิ้น 18,567.45 ล้านบาท ลดลง 3,301.45 ล้านบาท
อันดับ 5 ได้แก่ ตระกูลทองแตง
ที่ก้าวกระโดดขึ้นมาจากอันดับ 297 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นรวมมูลค่า
15,328.38 ล้านบาท มั่งคั่งเพิ่มขึ้น 15,016.93 ล้านบาท
ส่วนตระกูลชินวัตร
ยังคงเหลือ 2 ทายาทของ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นในปีนี้ ได้แก่ ลูกสาวคนเล็ก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
(อิ๊ง) เศรษฐีหุ้นอันดับ 51 ถือหุ้น บริษัท เอสซี แอสเซท (SC) มูลค่า
2,094.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 576.55 ล้านบาท และลูกสาวคนกลาง น.ส.พิณทองทา
ชินวัตร เศรษฐีหุ้นอันดับ 52 ถือหุ้น SC มูลค่า 2,027.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
557.95 ล้านบาท ส่งผลให้ตระกูลชินวัตรก้าวขึ้นจากอันดับ 39 เมื่อปีที่แล้ว
มาอยู่อันดับ 30 ในปีนี้ โดย 2 ทายาทสาวถือหุ้นรวมมูลค่า 4,121.98 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 1,134.49 ล้านบาท
