x close

สภาทนายฯ ยื่นฟ้องรัฐบาลบริหารจัดการน้ำผิดพลาด






ฟ้องปู 100 คดี แก้น้ำท่วม ดึงโกร่งโผล่ทีวีกลบข่าว (ไทยโพสต์)

          สภาทนายฯ ยื่นฟ้องรัฐบาลบริหารจัดการน้ำผิดพลาดจันทร์นี้ (26 ธันวาคม) ทั้งต่อศาลปกครอง แพ่ง อาญา ราว 100 คดี  "ยิ่งลักษณ์" แก้ตัวทางรายการ "นายกฯ พบประชาชน" ดึง "โกร่ง" เป็นหนังหน้าไฟ ชาติไทยโวยเพื่อไทยจะยึดคืนกระทรวงเกษตรฯ ก็ตามใจ แต่อย่าโทษเป็นต้นเหตุวิกฤติ "ธีระชัย" เหมือนรู้ตัวเด้งแน่ เปรยคุ้มแล้ว ทำงาน 1 เดือนเหมือนนาน 1 ปี สรรพากรจ้องรีดภาษีอี-คอมเมิร์ซโปะรายได้ปีหน้า ขู่ไม่เข้ามอบตัว จับได้เสียเบี้ยปรับย้อนหลัง 5 ปี

          นายณรงค์ เพชรประเสริฐ นักวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า วันที่ 26 ธันวาคมนี้ สภาทนายความจะยื่นคำฟ้องหน่วยงานภาครัฐ ที่บริหารจัดการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมผิดพลาดจนทำให้ประชาชนเดือดร้อน ต่อศาลปกครอง ศาลอาญา และศาลแพ่ง เป็นคำฟ้องประมาณ 100 คดีที่จะฟ้องรัฐบาล ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)   กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ก่อนหน้านี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เป็นตัวแทนภาคประชาชน รวบรวมรายชื่อ 352 คนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำล้มเหลว เป็นการฟ้องหน่วยงานรัฐ 11 หน่วยงาน ที่จัดการน้ำผิดพลาด ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน ให้หน่วยงานทั้งหมดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชน

          ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติภารกิจวันที่ 23 ธันวาคมนี้ นำนายสีจิ้นผิง รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ไปเยี่ยมชมโรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบวรนิเวศ ศาลายา ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา โดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บรรยายสรุปว่าอนาคตจะเกิดน้ำท่วมอีก เพราะเรากำลังประสบภาวะโลกร้อน แต่รัฐบาลให้ความมั่นใจว่าจะลดผลกระทบให้ลดน้อยที่สุด ซึ่งโอกาสนี้ต้องขอขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้ความช่วยเหลือไทยมาโดยตลอด    

          นายนิพัทธ พุกกะณะสุต กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำว่า วันเสาร์ที่ 24  ธ.ค.นี้ ในรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน" ที่จะออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายกรัฐมนตรี และทีมงานที่เกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม อย่างนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.), นายกิจจา ผลภาษี อนุกรรมการวางระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน, นายปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้น จะออกรายการ เล่าถึงความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขวิกฤติน้ำของ กยน.

          ขณะที่นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่ามาโทษพรรคชาติไทยพัฒนา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมชลประทาน เพราะปัญหาเกิดจากการบริหารจัดการที่ไม่ได้ เนื่องจากมีคนเสนอแนะมากเกินไป

          "ดูได้จากหน้าจอทีวีที่มาเสนอหน้ากัน รู้จริงบ้าง ไม่รู้จริงบ้าง ซึ่งเวลานี้ก็เป็นเรื่องของการหาแพะรับผิดชอบ หากปรับ ครม.จะยึดกระทรวงเกษตรฯ คืนไม่มีปัญหา ไม่ขัดข้อง เพราะกระทรวงเกษตรฯ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ใครๆ ก็ต้องการเหมือนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แต่ไม่ใช่มาโทษกันว่าเป็นต้นเหตุวิกฤติ ถ้าให้คนที่มีหน้าที่โดยตรงรับผิดชอบ หากเกิดปัญหาก็รับผิดชอบไปเลย ไม่ต้องเดินเป๋อย่างนี้ เพราะยิ่งมากหมอก็มากความ แต่ไม่ใช่ความผิดของพรรคชาติไทยพัฒนา อาจจะมีส่วนบ้างแต่ไม่ใช่มองภาพรวมทั้งหมด" นายชุมพลกล่าว

         นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.การคลัง กล่าวกับข้าราชการกระทรวงการคลัง ในงานเพชรวายุภักษ์สัญจร ครั้งที่ 4 ภาคเหนือ ระหว่างงานเลี้ยงค่ำวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า การทำงานในตำแหน่ง รมว.คลัง ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างหนักนั้น เปรียบเหมือนการทำงานในตำแหน่ง รมว.คลังมา 1 ปีเต็ม ดังนั้นหากตนจะถูกปรับออกจากตำแหน่งก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะถือว่าทำงานมานาน และทำงานอย่างเต็มที่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่คิดว่าจะได้เข้ามารับตำแหน่งสำคัญนี้มาก่อน

          สำหรับงานสัมมมาเพชรวายุภักษ์สัญจร นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แม้จะต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไปอีก 1 เดือน และได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จะทำให้การจัดเก็บรายได้ที่ลดลง แต่กระทรวงการคลังยังยืนยันเป้าหมายการเก็บรายได้ของปีงบประมาณ 2555 ที่ 1.98 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณที่ผ่านมา 4 หมื่นล้านบาท โดยยังคาดว่าการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2555 จะเกินเป้าหมายและขึ้นไปอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาทได้

          นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.การคลัง กล่าวว่า ในวันอังคารที่ 27 ธ.ค. ตนจะเสนอคณะรัฐมตรีพิจารณานำเงิน 5 พันล้านบาท ในโครงการบ้านหลังแรกที่ ครม.อนุมัติไว้ 2 หมื่นล้านบาท มาปล่อยกู้สำหรับซ่อมแซมบ้านน้ำท่วม โดยจะให้กู้รายละ 1 แสนบาท คิดดอกเบี้ยเท่ากับโครงการบ้านหลังแรกคือ 0% เป็นเวลา 3 ปี

          นายสาธิต รังคศิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า มาตรการลดหย่อนภาษีซ่อมบ้าน ซ่อมรถ จะเสนอเข้า ครม.วันอังคารหน้าเช่นกัน โดยการซ่อมบ้านให้หักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งการซ่อมบ้านจะครอบคลุมตัวบ้าน รั้ว เฟอร์นิเจอร์ สำหรับการซ่อมรถยนต์ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 3 หมื่นบาท ผู้ที่ซ่อมรถต้องขอหลักฐานการรับเงินจากช่างซ่อมรถ และต้องมีบัตรประชาชนจากช่างซ่อมรถมาประกอบการขอลดหย่อนภาษีด้วย โดยกรมสรรพากรเสียรายได้จากมาตรการนี้ประมาณ 4,600 ล้านบาท

          นอกจากนี้จะเสนอให้ ครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์การหักค่าเสื่อมซื้อเครื่องจักรมาทดแทนเครื่องจักรที่ถูกน้ำท่วม 125% โดยในปีแรกให้หัก 40% ส่วนที่เหลือให้ทยอยหลักเป็นเวลา 5 ปี

          สำหรับภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของสรรพากรไตรมาสแรกของปีงบ 2555 คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่ช่วงการจัดเก็บรายได้ภาพรวมในน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1.62 ล้านล้านบาท มากกว่าปีที่แล้ว 7% โดยในปีนี้กรมสรรพสากรคาดว่าจะสูญเสียรายได้จากน้ำท่วม 6-7 หมื่นล้านบาท และสูญเสียรายได้จากมาตรการรัฐประมาณ 6 หมื่นล้านบาท รวมเป็น 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีต้องเร่งเก็บภาษีในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วม อาทิ ค้าปลีก ขนส่ง

          ทั้งนี้ ในปีหน้า กรมสรรพากรจะเอาจริงกับการจัดเก็บภาษีซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต (อี-คอมเมิร์ซ) ให้มากขึ้น โดยขณะนี้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว หากผู้ประกอบการรีบติดต่อมายังกรมสรรพากรเพื่อเสียภาษีให้ถูกต้องจะถูกเอาผิดย้อนหลังเพียง 2 ปี แต่ถ้ากรมสรรพากรต้องไปเรียกให้มาเสียภาษี ผู้ประกอบการต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มย้อยหลัง 5 ปี และจะไม่ได้รับลดหย่อนเลย

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีความน่าเป็นห่วง แต่ที่รัฐบาลยังมองตัวเลขเป็นบวก ก็อาจจะเห็นว่าในช่วงต้นปีมีการทุ่มงบประมาณโครงการฟื้นฟูต่างๆ ลงไปมาก และมองว่าการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจน่าจะมีอัตราเติบโตดีขึ้น เพราะทุกอย่างชะงักไปในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา

          "รัฐบาลต้องมีความชัดเจนก่อนว่า จัดลำดับความสำคัญของนโยบายการใช้จ่ายเงินอย่างไร ฟื้นฟูอย่างไร ช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร ซึ่งผมก็ย้ำเรื่องนี้มาหลายครั้ง แต่ยังไม่เห็นการทำงานที่เป็นระบบแบบนี้ เห็นแต่เป็นโครงการเฉพาะกิจ เฉพาะกาล ของแต่ละกระทรวง ทบวง ซึ่งนำเสนอขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน นโยบายในภาพรวมที่เดินหน้าต่อ ก็จะเป็นนโยบายที่เป็นประชานิยม ซึ่งไม่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และก็ต้องใช้จ่ายเงินของรัฐบาลจำนวนมาก โครงการจำนำข้าวขณะนี้มีปัญหาเกือบจะเรียกว่าทุกขั้นตอนเลย ส่วนที่บอกว่าจะมาเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนจริงๆ อย่างกรณี 300 บาท ก็เลื่อนไป เงินเดือน 15,000 บาท ขณะนี้ไม่มีใครมองเห็นเลยว่าจะเป็นอย่างที่เคยหาเสียงไว้ว่าจะเป็นเงินเดือนสำหรับคนที่จบปริญญาตรี แต่ขณะเดียวกันมีแต่ข่าวที่บอกว่ารัฐบาลจะยอมให้มีการขึ้นราคาสินค้า และลดภาษีเงินได้นิติบุคคล อันนี้ผมคิดว่าภาระต่าง ๆ มากองอยู่ที่ประชาชน" นายอภิสิทธิ์กล่าว




ขอขอบคุณข้อมูลจาก








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สภาทนายฯ ยื่นฟ้องรัฐบาลบริหารจัดการน้ำผิดพลาด อัปเดตล่าสุด 25 ธันวาคม 2554 เวลา 14:42:16 12,608 อ่าน
TOP