x close

ต่อไปนี้ผมคงจะเลิกลอยโคมไปตลอดแล้วล่ะ...


ยี่เป็ง

ประเพณียี่เป็ง

ยี่เป็ง

ประเพณียี่เป็ง เชียงใหม่


เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ เหมียวน้อย มู๊ด..มู๊ด

          ในช่วงนี้ ไม่ว่าเทศกาลไหน ๆ ดูจะฮิตกับการปล่อยโคมลอยเสียเหลือเกิน เพราะไม่เพียงแต่เปลวไฟเล็ก ๆ ของโคมลอยที่ถูกปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าในค่ำคืนอันมืดมิด จะดูสวยงามประหนึ่งดาวเต็มท้องฟ้า และสร้างบรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ แล้ว แต่การปล่อยโคมลอยยังถือเป็นการเสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ตนเองอีกด้วย เนื่องจากเชื่อว่าเป็นการบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเป็นการลอยเคราะห์ ให้ประสบแต่สิ่งดีงาม ที่สำคัญยังเป็นการอนุรักษ์ประเพณีอันดีงามที่สืบทอดมาแต่ครั้งปู่ย่าตายายอีกด้วย

          โดยในสมัยก่อน โคมลอยนิยมลอยกันในเทศกาลลอยกระทง ซึ่งทางภาคเหนือเรียกว่าประเพณี "ยี่เป็ง" หมายถึงวันเพ็ญเดือน 2 ตามจันทรคติ โดยคำว่า "ยี่" แปลว่า สอง และคำว่า "เป็ง" ตรงกับคำว่า "เพ็ง" หรือ "เพ็ญ" หมายถึงพระจันทร์เต็มดวง คือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 2 ซึ่งก็ตรงกับเทศกาลวันลอยกระทง เดือนสิบสองของภาคกลาง นั่นเอง

          ดังนั้น นอกจากการลอยโคมจะสวยงาม และสื่อถึงความหมายที่ดีแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มากมายจึงได้นำโคมลอยเป็นจุดขายในการดึงนักท่องเที่ยว ทำให้ในขณะนี้ การปล่อยโคมลอยมีอยู่ในทุกจังหวัด และทุกเทศกาล จนกลายเป็นสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้กับกับประชาชนจำนวนมาก เพราะแทบทุกครั้งก็มีจะมีข่าวไฟไหม้จากการลอยโคมทั้งสิ้น

          เช่นเดียวกับเรื่องราวของ คุณ เหมียวน้อย มู๊ด..มู๊ด ที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ไฟไหม้จากการปล่อยโคมลอยผ่านเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคน ถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจากการปล่อยโคมลอย โดยมีข้อความว่า...

          "ต่อไปนี้ผมคงจะเลิกลอยโคมไปตลอดแล้วละครับ หลังจากเห็นไฟไหม้มากับตา มีรูปให้ดู"

          ช่วงวันสิ้นปีวันที่ 31 ธันวา 2554 ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เขาค้อ ก็ไปกางเต้นท์นอนที่เขาค้อทะเลหมอกรีสอร์ท บรรยากาศดีมากเห็นวิวชัดเจน ช่วงก่อนคืนสิ้นปีก็มีการจุดพลุกันเรื่อย ๆ แล้วก็มีคนลอยโคมกันเยอะแยะ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ลอยโคมกับเขาด้วย

          พอถึงตอนกลางคืนสิ้นปีก็ตามที่ท่องเที่ยวทั่วไป มีการยิงพลุกันมากมายทุกรีสอร์ท โคมก็ลอย กันเต็มท้องฟ้า สวยงามมากเห็นแล้วประทับใจ ขณะที่กำลัง ชื่นชมพลุอยู่นั้นก็ได้ยินคนตะโกนว่าไฟไหม้ เราก็หันไปดู ก็เห็นว่ามีควันและไฟกำลังไหม้อยู่ห่างจากที่กางเต้นท์ ประมาณ 50 เมตร





          ทีนี้ก็โกลาหลแล้วละสิ เพราะจากตอนแรกเห็นเป็นกลุ่มไฟเล็ก ๆ มันเริ่มใหญ่ขึ้น ๆ คนที่กางเต้นท์อยู่ตรงนั้นก็ตกใจกันแล้ว เริ่มมีการคุยกันว่าจะอพยพหนีออกจากที่กางเต้นท์ จะขับรถหนีออกแล้ว แต่การจะเอารถออกก็ยากมากเพราะ คนมาจอดรถปิดทางกันเต็มไปหมด

          รถผมก็เป็นคันแรกที่ปิดทางออกอยู่ พี่ที่อยู่เต้นท์ข้าง ๆ ก็เริ่มประกาศให้ขยับรถออกหนีกันได้แล้วเพราะไฟมันเริ่มลามใหญ่มาก ตอนนั้นก็เริ่มวุ่นวายกันแล้ว เด็ก ๆ ที่อยู่แถวนั้นก็ร้องไห้กลัวกันใหญ่ เพิ่งได้รู้อารมณ์หนีตายก็คราวนี้แหละครับ

          ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ช่วยกันขยับรถแล้วก็ค่อย ๆ ออกมาทีละคัน ตอนที่ผมขับออกมา ก็เห็นคนจากรีสอร์ทข้าง ๆ เริ่มหนีเหมือนกัน แล้วก็เห็นพนักงานเดินต่อสายยางไปเพื่อจะไปดับไฟ ข้างบนก็ยังสนุกสนานยิงพลุกันต่อไป ไม่ตกใจกันเลย ได้ยินเขาพูดกันว่าไม่ต้องกลัวไหม้กันทุกปี เขาทำคันดินกั้นไว้แล้ว ถางหญ้ารอไว้ไม่ลามมาถึงหรอก แต่ตอนนั้นผมไม่สนแล้วละว่าจะเอาอยู่รึป่าวมันใกล้มาก





          พอออกมาได้ก็ขับหนีต่อไปสักกิโล ก็ไปพักตรงสถานีตำรวจตรงเขาค้อ เจอพี่ที่กางเต้นท์อยู่แถวนั้นก็เล่าให้เขาฟังว่าไฟไหม้ แล้วก็คุยกับเขาสักพัก เวรกรรม หันไปดูขวามือ ก็เห็นไฟไหม้อีกจุดเหมือนกัน พี่ที่กางเต้นท์อยู่แถวนั้นก็ตกใจดิ ตื่นมาเฝ้าระวังกันใหญ่ ยังดีที่ผ่านไปสักพักมันก็ดับไปเอง

          ผมก็รอจนถึงตีสองถึงได้กลับไปที่ที่พักดูสถานการณ์อีกที พอไปถึงถามพี่ตำรวจ ก็รู้ว่าเขาดับได้แล้ว พี่เขาก็บอกว่า ทางรีสอร์ทเตรียมรถน้ำไว้แล้วแต่ตอนนั้นไม่รู้คนขับรถไปไหน พอเห็นว่าดับได้แล้วผมก็ขับรถลงไปที่จุดกางเต้นท์ จากที่เคยมีเต้นท์เยอะแยะ เหลือกางกันอยู่ แค่ห้าหกหลัง ทุกคนที่อยู่ที่นั้นก็ยังดูตื่นเต้นกันอยู่ จับกลุ่มคุยกันเรื่องไฟไหม้ บางคนก็นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะไม่รู้ว่ามันจะมีไฟไหม้อีกเมื่อไร

          ตื่นเช้ามาก็ไปถามดูกับที่รีสอร์ทว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้ยินมาว่าเมื่อคืนมันไหม้เพราะมีโคมลอยไปติดตรงหญ้า แล้วก็สะเก็ดพลุที่จุดกันแถวนั้น อันนี้เป็นรูปบริเวณที่ไฟไหม้เมื่อคืน





          พอเจออย่างนี้เข้าไปผมก็คิดแล้วสิว่าไอ้ที่เขาบอกว่าไฟไหม้เพราะโคมลอยเนี่ยเออ มันจริงแหะ ตอนเราลอยเราก็ไม่คิดอะไรเพราะว่ามันลอยขึ้นที่สูงคงไม่ตกมาไหม้ข้างล่างหรอก แต่มันก็จะมีบางอันที่โคมมันยังลอยไม่เต็มที่ก็ปล่อยกันไปแล้วมันก็จะไม่ลอยนะสิ มันก็จะตกลงมาเรื่อย ๆ แล้วก็มาติดกับต้นไม้แล้วก็เกิดไฟไหม้ขึ้น

          พอเจออย่างนี้ผมก็บอกกับแฟนผมเลยว่าต่อไปนี้ไม่ต้องลอยโคมกันอีกเลยนะ กลัวว่ามันจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก อันนี้ยังดีที่เขาดับได้แล้วไฟก็ไม่ได้ลามมาจนติดที่พัก ถ้าดับไม่ได้จะทำยังไง คนที่อยู่ตรงบริเวณนั้นไม่มีทางออกมาได้เลย เพราะคืนสิ้นปี รถจอดกันเยอะมากแทบจะออกไม่ได้ ดีที่วันนั้นยังพอมีทางให้เราออกมาได้ ถ้าออกไม่ได้จะทำยังไง

          ผมก็รู้ว่าต่อให้ผมไม่ลอยยังไงก็ยังมีคนลอยต่ออยู่ดี และผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการลอยโคมเนี่ยมันผิดมั้ย แต่จากเหตุการณ์ที่ผมเจอมาเนี่ย ผมคงจะเลิกลอยไปตลอดชีวิตแล้วละครับ เพราะเราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าโคมที่เราลอยเนี่ยมันจะไปทำให้ป่า หรือบ้านของใครไฟไหม้รึป่าว อันนี้ยังดีที่ไหม้ที่รีสอร์ทมีคนดับได้ แล้วถ้ามันไปไหม้ในป่าที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น ใครจะไปดับมันละครับ ก็อยากฝากกระทู้นี้ให้ทุกคนได้เห็นถึงอันตรายแล้วก็ให้คิดให้ดีก่อนจะลอยโคมด้วยละกันครับ

          ...เห็นเหตุการณ์แบบนี้แล้ว น่ากลัวไม่ใช่น้อยเลย ว่าไหมคะเพื่อน ๆ และคราวหน้าคราวหลังหากเพื่อน ๆ คิดจะลอยโคมกัน ก็ลองคิดดูอีกทีถึงความเหมาะสม ถูกเวลาและสถานที่หรือไม่ มิฉะนั้นอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นโดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้นะคะ...



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ต่อไปนี้ผมคงจะเลิกลอยโคมไปตลอดแล้วล่ะ... อัปเดตล่าสุด 9 มกราคม 2555 เวลา 15:57:49 140,284 อ่าน
TOP