เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันชัย ชี้การแยกผู้ต้องขังคดีการเมืองขัดรัฐธรรมนูญในประเด็นเลือกปฏิบัติ ขณะที่ บรรเจิด ชี้ทำได้ หากมีเหตุผลที่เพียงพอ เช่นเรื่องความปรองดอง
เมื่อวานนี้ (20 กุมภาพันธ์) มีการประชุมของคณะอนุกรรมการการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม และคณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เรื่องหลักเกณฑ์การคุมขังผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคาร บี
พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นประธานการประชุม ได้กล่าวว่า ข้อเสนอที่ผ่านมาของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่เสนอว่า ให้แยกผู้ต้องขังคดีความขัดแย้งทางการเมือง และอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ตั้งแต่ก่อนและหลังรัฐประหาร 2549 ไปยังเรือนจำพิเศษ แยกจากผู้ต้องขังในคดีอาญาทั่วไป ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 ที่ไม่ให้เลือกปฏิบัติต่อผู้คุมขังอย่างไม่เป็นธรรม เพียงเพราะความแตกต่างทางความคิดด้านการเมือง
ด้าน รศ.บรรเจิด สิงคะเนติ คณะบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า การแยกผู้คุมขังเป็นสิ่งที่เหมาะสม แต่ต้องชี้แจงให้ประชาชนเห็นว่า การแยกผู้ต้องขังประชาชน ประเทศชาติจะได้รับประโยชน์อย่างไร จนถึงระดับที่ต้องลบกฎเกณฑ์บางอย่างทิ้งไป เช่น ความปรองดอง เป็นต้น ทว่าขณะนี้ ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ รัฐต้องวางหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนว่า อะไรคือคดีอาญาทั่วไป และอะไรคือคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพื่อป้องกันเรื่องสองมาตรฐาน โดยไม่ได้ตั้งใจ ตรงจุดนี้เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่ต้องดูแลและสร้างความชัดเจนให้ได้
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องผู้ต้องขังก็เกี่ยวพันกับการปฏิบัติเหตุการณ์ในอนาคตเช่นกัน อย่างเรื่องการจ่ายเงินเยียวยา ที่ต้องมีกฎที่ชัดเจนเช่นกันว่า ครอบคลุมกับกลุ่มใดบ้าง ใครมีสิทธิที่จะได้รับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
