เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก images.icnetwork.co.uk
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์เดอะซันของอังกฤษ เปิดเผยเรื่องราวสุดน่าเห็นใจของเด็กสาววัย 19 ปีชาวอังกฤษรายหนึ่ง ที่ประสบกับภาวะผิดปกติทางสมอง โดยมีความทรงจำมากที่สุดเพียง 1 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะจดจำอะไรไม่ได้เลย
โดยหญิงสาวคนนี้ คือ เจสส์ ไลดอน วัย 19 ปี จากเมืองคอนเวนทรี่ของอังกฤษ ที่ป่วยเป็นโรค Susac's Syndrome หรือภาวะสมองสูญเสียความทรงจำ อันเกิดจากเส้นเลือดในสมองอักเสบ ทำให้เธอมองอะไรได้ไม่ชัด ฟังอะไรไม่ค่อยได้ยิน และยังสูญเสียความทรงจำประจำวัน โดยจะจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงก่อนหน้าเท่านั้น
เจสส์ ไลดอน เปิดเผยว่า ภาวะดังกล่าวทำให้ชีวิตของเธอเหมือนกับอยู่ในฝันร้าย เธอไม่สามารถจดจำอะไรที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตได้เลย ไม่ว่าจะเป็นคริสต์มาสที่แสนสุขปีก่อน วันเกิดในเดือนธันวาคมปีก่อน หรือแม้แต่ผลงานละครเวทีที่เธอเคยแสดงไว้เมื่อปีก่อน ซึ่งทุกเช้าที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วลืมทุกอย่าง มันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดมาก และบางวันเธอก็มีอาการเหมือนคนเป็นอัลไซเมอร์ หลงลืมสิ่งที่เคยทำเมื่อ 10 นาทีก่อน เช่น ทานข้าวเที่ยงแล้ว ก็ยังชวนแม่ไปทานข้าวเที่ยงอีกเหมือนกับว่าเธอยังไม่ได้ทาน เป็นต้น แต่ถ้าวันไหนอาการดีหน่อย เธอก็จะสามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงได้ และเธอก็จะไม่ทู่ซี้แม่ให้พาเธอไปทำอะไรซ้ำ ๆ อย่างที่ยกตัวอย่างไปแล้วข้างต้น
นอกจากนี้ เธอยังไม่สามารถจดจำได้ว่าเพื่อนสนิท 3 คนของเธอกำลังท้อง เธอจึงมักจะถามเพื่อนทุกครั้งที่เจอกันว่า เพื่อนเธออ้วนขึ้นแบบนี้ ไปทำอะไรมา และตกใจเมื่อเพื่อนบอกว่าท้องทุกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังต้องเลิกกับแฟนหนุ่มที่คบกันมา 2 ปีด้วย เนื่องจากเขาไม่สามารถทนกับการอยู่กับคนที่ลืมทุกอย่างทุกวันได้
อย่างไรก็ดี คนที่คอยดูแลและไม่รู้สึกรำคาญเธอ เห็นจะมีอยู่คนเดียว นั่นคือ เทรซี่ แม่ของเธอนั่นเอง โดยเทรซี่จะคอยดูแลเธอตลอดไม่ว่าเธอจะไปไหน เนื่องจากภาวะการได้ยินไม่ชัด และมองไม่เห็นในบางครั้ง อาจทำให้เธอชนข้าวของหรือตกบันไดได้ ขณะที่เทรซี่และเธอเองก็เริ่มกังวลถึงชีวิตในอนาคตแล้วว่า หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เธอจะทำงานอะไรกับใครได้ เมื่อชีวิตเธอมีแต่วันนี้ และจดจำเมื่อวานไม่ได้เลยอย่างที่เป็น
ทั้งนี้ เจสส์ ไม่ใช่คนแรกที่ประสบกับภาวะสูญเสียความทรงจำภายใน 1 วัน แต่ที่ผ่านมามีผู้ป่วยโรคนี้เกือบ 250 คนทั่วโลก ส่วนวิธีการรักษานั้นยังไม่มีวิธีไหนที่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าใช้ได้ผล แต่ก็มีผู้ป่วยหลายรายที่สามารถฟื้นตัวกลับมาจดจำอะไรยาวนานขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องใช้วิธีรักษาใด ๆ เลย
