เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
กองทุนน้ำมันวิกฤติมีหนี้ติดลบกว่า 2 หมื่นล้านบาท เล็งกู้เพิ่มอีก 1 หมื่นล้าน เพื่ออุดหนุนราคาแอลพีจีครัวเรือน หลังราคาตลาดโลกพุ่งสูง คาดปีนี้อาจได้เห็นน้ำมันเบนซินแตะ 50 บาทต่อลิตร เพราะมีปัจจัยใช้น้ำมันมากขึ้น
วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้กล่าวถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปีนี้มีโอกาสแตะระดับ 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำลายสถิติราคานำมันแพงที่สุดจากปี 2551 ที่มีราคาอยู่ที่ 147 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นแม้จะไม่มีสงครามในพื้นที่ตะวันออกกลางก็เป็นเพราะ ทางญี่ปุ่นมีความต้องการใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนการใช้พลังงานนิวเคลียร์ และในสหรัฐอเมริกามีอัตราว่างงานลดลง รวมทั้งขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนทำให้ประชาชนขับรถไปเที่ยวจึงมีความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับสูงขึ้นและส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในไทยขยับตาม และมีโอกาสถึง 50 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลหากไม่ตรึงราคาก็น่าจะขยับอยู่ที่ 36 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังเผยอีกว่า ตอนนี้ทาง สนพ.กำลังพิจารณาขยายเพดานวงเงินกู้ให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม 10,000 ล้านบาท จากเดิมได้รับอนุมัติให้กู้ก้อนแรก 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำรองในการดูแลสภาพคล่องราคาพลังงาน โดยเฉพาะกับชดเชยราคานำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ที่ปัจจุบันตรึงไว้ที่ระดับ 18.13 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ราคาแอลพีจีตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 1,100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทำให้ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เข้าไปดูแลมากถึง 4,000 ล้านบาทต่อเดือน โดยตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางกองทุนน้ำมันฯ ติดลบรายจ่ายเกือบ 20,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีรายจ่าย 4,000 ล้านบาทต่อเดือน มีรายรับประมาณ 2,100 ล้านบาทจากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯของเบนซิน 2 บาทต่อลิตร และดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
