x close

นักวิจัยชี้หมอกควันไฟป่า ทำคนนอกเมืองเสี่ยงมะเร็ง






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           นักวิจัย ม.เชียงใหม่ เผย หมอกควันไฟป่า ทำคนนอกเมืองเสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้น โดยพบสารก่อมะเร็งในปัสสาวะสูงกว่าคนทั่วไป 13 เท่า เร่งวางแผนแก้ปัญหาระยะยาว คาดเห็นผลปี 2559

           จากวิกฤติหมอกควันไฟป่าปกคลุมหลายจังหวัดในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะจากการตรวจสอบตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ก็พบว่า มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้วหลายพันคน

           ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ดร.ทิพวรรณ ประภามณฑล นักวิจัยอาวุโสศูนย์วิจัยด้านมลภาวะและอนามัยสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ได้เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องหมอกควันไฟป่า ว่า พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่เขตนอกเมืองสูงกว่าพื้นที่ในเมือง 2-3 เท่า ที่สำคัญ จากการตรวจปัสสาวะของผู้ที่อาศัยอยู่นอกเมือง ยังพบว่า ได้รับสารพีเอเอช (PAH) หรือสารพิษที่เกิดจากการเผามากกว่าผู้ที่อยู่ในเมือง และหากเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในจุดที่มีไฟป่า จะพบว่าปัสสาวะมีสารพีเอเอชสูงกว่าคนทั่วไปถึง 13 เท่า

           ดร.ทิพวรรณ กล่าวว่า สารพีเอเอช เป็นสารที่ก่อมะเร็งได้ โดยคณาจารย์ที่มาร่วมวิจัยได้บ่งชี้ว่า ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูงจะมีความเสี่ยงต่อโรคเฉียบพลัน และโรคเรื้อรัง แม้คณะวิจัยจะบอกไม่ได้ว่า คนนั้นจะเป็นมะเร็งเมื่อใด แต่ในอนาคตก็มีความเสี่ยงอย่างมาก

           นอกจากนี้ นักวิจัยอาวุโสศูนย์วิจัยด้านมลภาวะและอนามัยสิ่งแวดล้อม ยังแสดงความเป็นห่วงด้วยว่า เครื่องวัดปริมาณฝุ่นหมอกควันมักจะติดตั้งไว้ตามตัวเมืองของแต่ละจังหวัด ซึ่งไม่ได้ตรวจวัดค่าที่แท้จริง เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าเกิดนอกตัวเมือง จึงแนะนำให้ติดตั้งเครื่องวัดปริมาณฝุ่นให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และขณะนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.) ทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยฯ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระยะยาว ซึ่งทางแก้ไขทางหนึ่งคือ โน้มน้าวให้ชาวบ้านเปลี่ยนกระบวนการทำมาหากินด้านการเกษตร คาดว่าจะเห็นผลภายในปี พ.ศ.2559

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





[28 กุมภาพันธ์] เชียงใหม่-ลำปาง เริ่มทำฝนหลวงแก้หมอกควันภาคเหนือแล้ว






เชียงใหม่-ลำปางเริ่มทำฝนหลวงแก้หมอกควันภาคเหนือแล้ว (ไอเอ็นเอ็น)


          ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เริ่มทำภารกิจวันแรกเพื่อลดปัญหาด้านหมอกควันไฟและค่าฝุ่นละอองในอากาศที่ปก คลุมพื้นที่ ซึ่งคาดจะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงจึงจะมีฝนตกลงมา

          เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (27 กุมภาพันธ์) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เริ่มออกปฏิบัติทำฝนหลวง เพื่อลดปัญหาหมอกควันใน จ.เชียงใหม่ และภาคเหนือแล้ว โดยที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ได้มีการระดมผู้ที่เกี่ยวข้องในการออกปฏิบัติการทำฝนหลวงในช่วงบ่ายวานนี้ หลังจากเครื่องบินที่ใช้ในการทำฝนหลวง คือ เครื่องบินคาราแวน 2 ลำ และ เครื่องบินคาซา 1 ลำ ได้เดินทางมาถึงแล้ว นายทรง กลิ่นประทุม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจากขึ้นทำการบินแล้ว จะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง จึงจะมีฝนตกลงมา โดยถือว่าเป็นการปฏิบัติการฝนหลวงแบบเต็มรูปแบบ เป็นวันแรกและจะทำต่อเนื่อง ไปจนถึงเดือน ต.ค. โดยนอกจากจะเป็นการลดมลพิษทางอากาศแล้ว ยังทำขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ทางการเกษตรด้วย













[27 กุมภาพันธ์] ควันพิษภาคเหนือ ยังวิกฤติหลายจังหวัด 



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          เกิดไฟป่าตั้งแต่แยกดอยติ ถึง อ.บ้านโฮ่ง ลำพูน ยาวกว่า 50 กิโลเมตร ทำให้มีผู้ป่วยจากอากาศเป็นพิษร่วม 3 พันแล้ว ขณะที่เชียงใหม่ผู้ป่วยพุ่งขึ้นจากเดิมถึงร้อยละ 40 ด้านลำปางน่าห่วงฝุ่นเกินมาตรฐาน อันตรายต่อสุขภาพ
 
          สถานการ์ณไฟป่าและหมอกควันในจังหวัดลำพูน ที่เกิดขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงย่ำแย่ เพราะค่าฝุ่นละอองในอากาศยังคงเกินเกณฑ์มาตรฐานอยู่ กระทั่งล่าสุด เมื่อวานนี้ (26 กุมภาพันธ์) ที่แยกดอยติ อ.เมือง จนถึง อ.บ้านโฮ่ง ระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ได้เกิดไฟไหม้ป่า ทั้งกลางวันและกลางคืนกว่า 30 จุด ทำให้ควันไฟฟุ้งกระจายไปทั่วพร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้ ส่งผลให้มีผู้สูงอายุและเด็ก เกิดอาการเจ็บป่วยแล้วกว่า 3 พันคน
 
          ด้านนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ค่ามลพิษทางอากาศที่เกิดจากไฟป่า บริเวณสนามกีฬากลาง วัดได้ 275.6 ไมโครกรัม ซึ่งถือว่าสูงมากเป็นลำดับ 2 ของภาคเหนือ และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น









          ขณะที่สถานการณ์หมอกควันที่เชียงใหม่ก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน เนื่องจากตามสถิติพบว่า ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจพุ่งสูงเป็น 2,100 คนแล้ว หรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 40 เมื่อเทียบจากเดือนมกราคม ในประเด็นนี้เริ่มส่งผลให้จำนวนยาแก้ไอขาดแคลน ส่วนเรื่องค่ามลพิษทางอากาศ ค่อนข้างอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง แม้ว่าค่าเฉลี่ยของมลพิษทางอากาศยังไม่สูงกว่า 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรก็ตาม
 
          ด้าน หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้แก้ไขปัญหาโดยการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบของทั้ง 25 อำเภอ ให้แต่ละอำเภอคุมเข้มเรื่องการเผาของประชาชน เพื่อที่จะไม่เพิ่มมลภาวะไปมากกว่านี้
 
          ส่วนนายสราวุฒิ แซ่เตี๋ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น ยังไม่ส่งผลต่อการท่องเที่ยว เพราะส่วนใหญ่เข้ามาท่องเที่ยวในระยะสั้น แต่ปัญหาคือ ท่องเที่ยวระยะยาว อย่างคนญี่ปุ่นที่พำนักในเชียงใหม่จำนวนมาก ถ้าปัญหานี้เกิดขึ้นทุกปี มีปัญหาแน่



หมอกควัน ลำปาง

ฝุ่นละอองใน จ.ลำปาง


          ขณะที่สถานการณ์ฝุ่นควันในจังหวัดลำปางก็ยังคงน่าเป็นห่วง โดย น.พ.ศิริชัย ภัทรนุภาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศในจังหวัดลำปาง ล่าสุดขณะนี้พบว่า มีค่าฝุ่นละอองเกินกว่าค่ามาตรฐานถึง 279 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นค่าที่สูงสุดของประเทศ อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ

          ทั้งนี้ ทางสาธารณสุขก็ได้ทำการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยไปแล้ว 30,000 ชิ้น กระจายไปทั่วโรงพยาบาลทั้ง 13 อำเภอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพทั้ง 142 แห่ง ในพื้นที่ ขณะที่พบว่ายอดผู้ป่วย ทั้งโรคหอบหืด และโรคจากตา ซึ่งมีอาการแสบตา คันตา เคืองตา เพิ่มมากขึ้นถึง 20 % แล้ว จากเหตุปัญหาหมอกควันไฟ


 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นักวิจัยชี้หมอกควันไฟป่า ทำคนนอกเมืองเสี่ยงมะเร็ง อัปเดตล่าสุด 29 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 10:14:08 11,946 อ่าน
TOP