เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงพระเมตตารับ น้องชาคริส ปากโตผิดรูป ใช้ชีวิตอย่างลำบาก-รักษาไม่หาย เข้าเป็นคนไข้ในมูลนิธิ
หลังจากที่วันนี้ (28 กุมภาพันธ์) ทางรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้นำเสนอข่าวของ เด็กชายชาคริส ชูเชิด หรือน้องมาร์ค อายุ 10 ขวบ ที่มีปากโตผิดรูป จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และสร้างปมด้อยให้กับเด็กน้อยรายนี้นั้น ล่าสุด ดร.มานัส โนนุช ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ได้แจ้งว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงติดตามข่าวของน้องมาร์ค และมีความสงสารเป็นอย่างยิ่ง จึงมีรับสั่งให้มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ในพระองค์ เข้าดำเนินการช่วยเหลือหาทางรักษาเป็นการด่วน ซึ่งได้มีการประสานไปยังมูลนิธิฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจะเข้าไปตรวจสอบให้ความช่วยเหลือในวันนี้
ด้าน นายดิเรก ชูเชิด อายุ 50 ปี และนางชลธิชา ชูเชิด อายุ 41 ปี สองสามีภรรยา ชาวตำบลบ้านใหม่ อำเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เล่าถึงความผิดปกติของน้องมาร์ค ให้ฟังว่า ตนมีลูก 2 คน น้องมาร์คเป็นลูกคนสุดท้อง หลังจากคลอดลูกคนโตก็กินยาคุมกำเนิดมาตลอด กระทั่งตั้งท้องน้องมาร์ค ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร และเมื่อน้องมาร์คเกิดมาแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่จะมีเงาดำเล็ก ๆ ที่ปาก หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็น จนเมื่ออายุได้ 1 ขวบ เงาดำ ๆ นั้นก็ใหญ่ขึ้นเป็นก้อนเนื้อ โดยเฉพาะเมื่อน้องอายุได้ 10 ขวบ ก้อนเนื้อขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ทางครอบครัวได้พาน้องมาร์คไปรักษาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ แล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ โดยผู้เป็นแม่ เล่าว่า ตนต้องลาออกจากงาน เพื่อมาดูแลลูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากน้องมาร์คเคยประสบอุบัติเหตุตกบันไดบ้าน แล้วปากกระแทกกับพื้น ทำให้เลือดพุ่งออกมาอย่างกับน้ำที่ไหลจากฝักบัว ซึ่งตนเป็นห่วงลูกมากกลัวว่าเลือดจะไหลไม่หยุด จากนั้นมาก็ต้องระวังเรื่องอุบัติเหตุมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนได้พาลูกไปรักษาอาการปากโตผิดรูปที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และส่งตัวต่อที่ โรงพยายาบาลใน กทม. ซึ่งแพทย์ได้ทำการฉีดยารักษา แต่ปรากฏว่าปากของน้องมาร์คกลับยิ่งบวมโตใหญ่ขึ้นทุกวัน จนแพทย์ต้องเจาะคอไว้ป้องกันกล้ามเนื้อไปกดทับหลอดลม
ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ค่อยดีนัก ประกอบอาชีพออกขายของตามตลาดนัด ประกอบกับการรักษาไม่ได้ผล ผู้เป็นพ่อและแม่จึงตัดสินใจหยุดการรักษา มาเป็นเวลาปีเศษจนถึงปัจจุบัน พวกเขาทำได้เพียงแค่พูดให้กำลังใจลูกเท่านั้น เพราะปากที่โตผิดรูปนั้นส่งผลต่อการกินของน้องมาร์คอย่างมาก เวลาเคี้ยวข้าวก็ต้องเคี้ยวเพียงข้างเดียว เนื่องจากข้างที่บวมโตมีก้อนเนื้อมาเบียดทำให้กินอย่างลำบาก นอกจากนี้ ก็ยังสร้างปมด้อยทำให้น้องมาร์ครู้สึกอายเพื่อน ๆ ที่ตนเองไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป
แต่ถึงอย่างนั้น น้องมาร์ค ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.6 ก็ยังเป็นเด็กดี เรียนอยู่ในระดับปานกลาง ช่วยงานพ่อแม่ทุกอย่าง และทุก ๆ คืนก่อนเข้านอน เขาจะสวดมนต์ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์สามารถหายจากอาการที่เป็นอยู่ได้ในสักวัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก