เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก NASA
นาซ่า เผยภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของดวงอาทิตย์หลากหลายสี ขณะเกิดพายุสุริยะ ขณะที่ขั้วโลกเหนือเห็นเป็นแสงเหนือ
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซ่า: NASA) ได้เผยแพร่ภาพของดวงอาทิตย์ขณะเกิดพายุสุริยะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นพายุสุริยะลูกใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปีตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้ว
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า พายุสุริยะเกิดจากการปะทุของผิวหน้าดวงอาทิตย์ โดยจะเกิดการลุกไหม้ครั้งใหญ่จนกลายเป็นพายุ ส่งผลให้มีการแผ่รังสีและพลาสมาบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ซึ่งขณะที่ดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิในระดับที่แตกต่างกัน ก็จะมีสีที่แตกต่างเช่นเดียวกัน
นาซ่า เผยภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของดวงอาทิตย์หลากหลายสี ขณะเกิดพายุสุริยะ ขณะที่ขั้วโลกเหนือเห็นเป็นแสงเหนือ
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซ่า: NASA) ได้เผยแพร่ภาพของดวงอาทิตย์ขณะเกิดพายุสุริยะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นพายุสุริยะลูกใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปีตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้ว
[9 มีนาคม]นักจักรวาลฯชี้ระเบิดพายุสุริยะไม่กระทบไทย
นักจักรวาลวิทยาอิสระ เผย เหตุระเบิดพายุสุริยะถือเป็นปรากฏการณ์ปกติ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับคลื่นวิทยุ ระบบโทรคมนาคม ช่วงเวลาสั้น ๆ ในประเทศแถบขั้วโลกเท่านั้น และไทยก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ
จากกรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือ นาซา ออกแถลงการณ์เตือนให้เตรียมรับมือกับพายุสุริยะที่มีขนาดใหญ่และรุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปี ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบจีพีเอส การสื่อสารการบิน ระบบวิทยุ ระบบดาวเทียม และระบบการสื่อสารอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าว ได้รับความสนใจ และถูกกล่าวถึงอย่างมาก ทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ มีความเห็นของ นายปีเตอร์ สุดธนกิจ นักจักรวาลวิทยา เปิดเผยว่า ข้อมูลจากองค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา พบว่ามีการเกิดพายุสุริยะ ระหว่างวันที่ 4 - 7 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบค่ารบกวนธรณีวิทยาของสนามแม่เหล็กโลก ในระดับ G2 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ในส่วนการรบกวนชั้นบรรยากาศจากการแผ่รังสีเอ็กซเรย์จากดวงอาทิตย์ อยู่ในระดับ R3 หรือ ระดับแข็งแกร่ง ซึ่งพายุสุริยะครั้งนี้ จะมีผลต่อสนามแม่เหล็กโลกในช่วงวัน 1 - 2 วันนี้ โดยอาจจะส่งผลกระทบต่อวิทยุคลื่นสั้น วิทยุสมัครเล่น การสื่อสารทางการบินที่ระยะข้ามเส้นขอบฟ้าในย่านเขตละติจูดสูง และระบบสื่อสารโทรคมนาคม สูญเสียการติดต่อเป็นวงกว้างในช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าว ไม่น่าหวาดวิตก เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติกับโลก และมีบันทึกสถิติการเกิดแล้ว 600 ครั้ง ในรอบ 11 ปี และผู้ได้รับผลกระทบก็มีแนวโน้มเป็นผู้อยู่อาศัยใกล้เขตขั้วโลกอย่าง ทวีปอเมริกา มากกว่า ส่วนผู้ที่อยู่ในแถบเอเชีย หรือใกล้เส้นศูนย์สูตรแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย
ล่าสุด องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ก็ได้ลดระดับการเตือนผลกระทบจากพายุสุริยะจนเหลือแค่ระดับศูนย์ หรือไม่มีผลกระทบต่อโลกแล้ว ทั้งนี้ องค์การนาซา ระบุว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับดวงอาทิตย์ ขณะนี้ถือว่าไม่ปกติ หลังจากดวงอาทิตย์ ไม่มีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่รุนแรงเกิดขึ้นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยนักวิทยาศาสตร์ ยังต้องจับตามองลำแสงจากดวงอาทิตย์ ที่จะพุ่งเข้าหาโลกอีกหลายวัน หลังพายุสุริยะ สงบลงแล้ว
[8 มีนาคม] เตือนชาวโลกรับมือพายุสุริยะ-ดาวเทียมส่อล่ม
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก NASA
ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือนชาวโลกรับมือพายุสุริยะรุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปี ส่งผลต่อระบบสื่อสาร-ดาวเทียม
วันนี้ (8 มีนาคม) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอวกาศ ได้ประกาศเตือนชาวโลกให้เตรียมตัวรับมือพายุอวกาศจากการระเบิดของพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งมีความรุนแรงที่สุดในรอบ 5 ปี และจะส่งผลกระทบต่อระบบการสื่อสารหลัก ระบบนำร่องดาวเทียม และระบบนำทางเครื่องบิน
นายโจเซฟ คุนช์ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอวกาศ ประจำองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จากการติดตามตรวจสอบปรากฏการณ์สภาพอวกาศ พบว่า ปรากฏการณ์เริ่มเกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา โดยแถบพื้นที่แหล่งพลังงานของดวงอาทิตย์ ที่รู้จักกันในชื่อ 1429 เกิดการลุกจ้าของเปลวสุริยะครั้งใหญ่ ควบคู่กับการระเบิดของพายุสุริยะ และพลาสมาเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา และส่งพลังงานมหาศาลมาในทิศทางของโลก
สำหรับพายุดังกล่าวถือได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2006 โดยพายุสุริยะจะปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูงมาสู่โลก ในช่วงระหว่างเวลาประมาณ 06.00 น. ถึง 10.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากล หรือตรงกับเวลา 13.00 น. ถึง 17.00 น. วันนี้ (8 มีนาคม) ตามเวลาในไทย ด้วยความเร็ว 1,400 ไมล์ต่อวินาที
ทั้งนี้ รังสีที่แผ่ออกมาจากพายุสุริยะ จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่อาจส่งผลรบกวนต่อการทำงานของระบบจีพีเอส การสื่อสารการบิน ระบบวิทยุ ระบบดาวเทียม และระบบการสื่อสารอื่น ๆ บนโลก โดยเฉพาะประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร โดยเครื่องบินที่บินในเขตดังกล่าว ได้รับคำเตือนให้เปลี่ยนเส้นทางบินชั่วคราว
นอกจากนี้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวยังถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ประชาชนทั่วไปจะได้เห็น "ออโรร่า" หรือแสงเหนือบริเวณประเทศในแถบขั้วโลกเหนือ หากท้องฟ้าแจ่มใส และในพื้นที่บางส่วนในเขตเอเชียกลางในวันนี้อีกด้วย
ทางด้านองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซ่า ยังระบุว่า การเคลื่อนตัวของพายุสุริยะมายังโลกในลักษณะเช่นนี้ จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ.2013 เลยทีเดียว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก