x close

11 เม.ย. เตรียมใช้สแกนนิ้วมือ-พาสปอร์ต ผ่าน ตม.ขาเข้า




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนเป็นต้นไป คนไทยเตรียมใช้การสแกนลายนิ้วมือ และสแกนพาสปอร์ต แทนการประทับตรา ผ่าน ตม. ขาเข้า ลดผู้โดยสารแออัด

          เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้มีการหารือเพื่อนำสายการบินราคาประหยัด และสายการบินระหว่างประเทศบางส่วน ย้ายกลับมาเปิดให้บริการที่สนามบินดอนเมือง เพื่อลดความแออัดของผู้โดยสาร เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิยังมีปัญหาด้านมลพิษทางเสียงกับชุมชน จึงยังไม่สามารถขยายรันเวย์ได้

          ทั้งนี้ ที่ประชุมได้สรุปแนวทางการลดปัญหาความแออัดของผู้โดยสารได้ 3 ข้อดังนี้

          1. เพิ่มจำนวนเคาทเตอร์ด่านตรวจหนังสือเดินทาง (ตม.) ขาออก ให้เต็มทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก

          2. เพิ่มเจ้าหน้าที่บริเวณจุดตรวจเอกสารเดินทางก่อนเข้าด่าน ตม. เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้า โดยเน้นภาษาจีน รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น

          3. ประสานสายการบินต่าง ๆ ให้เเจ้งผู้โดยสารมาเช็คอินก่อนขึ้นเครื่องออก 3 ชั่วโมง จากปัจจุบันเช็คอินก่อน 2 ชั่วโมง

          ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนเป็นต้นไป ด่าน ตม. จะทำการสแกนลายนิ้วมือ และสแกนหนังสือเดินทางผ่านระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติแทนทำการลงตรวจตรา เพื่อความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และลดความแออัดของผู้ที่มาใช้บริการ

          ด้าน พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มจัดเจ้าหน้าที่นั่งเคาท์เตอร์ลงตรวจขาเข้า-ขาออก เต็มทุกเคาท์เตอร์แล้ว และยังปรับแถวเพื่อบริหารการเข้าตรวจตามเคาท์เตอร์ หากเป็นคนไทยจะไม่มีการถ่ายรูปเก็บไว้ แต่หากเป็นชาวต่างชาติ จะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน


จัดกองร้อยน้ำหวาน 50 นาย ช่วยงานสุวรรณภูมิ

จัดกองร้อยน้ำหวาน 50 นาย ช่วยงานสุวรรณภูมิ


จัดกองร้อยน้ำหวาน50นายลงสุวรรณภูมิ16มีค. (ไอเอ็นเอ็น)

          ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมหารือร่วมกับ ท.อ.ท. และ ตม. แก้ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ – จัดกองร้อยน้ำหวาน 50 นาย ช่วยงาน 16 มีนาคมนี้

          เมื่อวานนี้ (15 มีนาคม) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ นายสมชัย สวัสดิผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้งสองหน่วยงานอาทิ พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม. นายเพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้ประสานผู้อำนวยฝ่ายการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อหารือเรื่องการแก้ไขปัญหากำลังพลที่ขาดไปจากด่านตรวจค้นเข้าเมือง และผู้โดยสารคับคั่งในสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า ขณะนี้ได้พยายามแก้ไขปัญหาแล้ว เบื้องต้นได้พูดคุยกับ นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว เพื่อประสานในการให้ข้อมูลทั้งขาเข้าและขาออกภายในประเทศ โดยให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวทราบ เพื่อจะช่วยอำนวยความสะดวกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น คิดว่าใช้แถวยาวให้เรียบร้อยปรับให้เข้ามาอยู่ในจุดที่ควบคุมได้ ซึ่งจะใช้กำลังจาก สตม.จากด่านตรวจคนเข้าเมืองตามจุดต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่ ท.อ.ท.มาช่วยดูแล ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยมอบเป็นหน้าที่ของสันติบาลดูแลร่วมกัน

          ทางด้านผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทำเรื่องขอเจ้าหน้าตำรวจที่สอบได้เป็นชั้นสัญญาบัตรประมาณเกือบร้อยนายกลับมาช่วยเหลือ โดยขอกลับเข้ามาช่วยยังหน่วยงานเดิมก่อน 6 เดือน อีกทั้งกำลังเสนอแก้ไขระเบียบไปยังกระทรวงมหาดไทย ส่วนกองร้อยน้ำหวานจากกองบังคับการควบคุมฝูงชน บ.ชน. มาช่วยอีกประมาณ 50 นาย บริเวณด้านหน้าช่องตรวจเข้ามาช่วยดูแลความเรียบร้อยแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ คาดว่าจะเข้ามาช่วยงานได้ภายในวันที่ 16 มีนาคมนี้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




[15 มีนาคม] เร่งแก้นักท่องเที่ยวล้น ตม.สุวรรณภูมิ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

        รมช.คมนาคม แจงคนแน่น ตม.สุวรรณภูมิ ปิดเหลือ 1 ช่อง เหตุพนักงานไม่พอ เล็งจ้างคนเพิ่ม-ใช้เทคโนโลยีช่วย ด้านนายกฯ สั่งย้ายโลว์คอสไปดอนเมือง

        วันนี้ (15 มีนาคม) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงถึงปัญหาความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ขณะนี้มีผู้โดยสารใช้บริการสูงถึง 47-48 ล้านคนต่อปี ซึ่งสูงกว่าความสามารถในการรองรับที่ 45 ล้านคนต่อปี ตามแบบก่อสร้างที่วางไว้ จนเกิดปัญหาความแออัดในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งพบว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีจำนวนไม่เพียงพอ จึงได้ประสานไปยังรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว

        เบื้องต้น ทางท่าอากาศยานไทย (ทอท.) คาดว่าอาจจำเป็นต้องรับสมัครพนักงานเอ้าท์ซอร์ทมาเพิ่ม และระยะยาวอาจต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยให้การตรวจคนเข้าเมืองให้เป็นไปอย่างความรวดเร็วมากขึ้น เช่น การนำระบบอีพาสปอร์ตมาใช้ ซึ่งผู้เดินทางสามารถนำพาสปอร์ตของตนเองไปแตะเครื่องสแกนที่ด่าน ตม. ซึ่งจะสามารถตรวจสอบข้อมูลโดยอัตโนมัติได้ อีกทั้ง ขณะนี้ยังมีการลงทุนขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้รองรับผู้โดยสารได้ 75-100 ล้านคนต่อปี แต่ต้องใช้เวลาลงทุนและก่อสร้างไม่น้อยกว่า 5 ปี

        นอกจากนี้ นายชัชชาติ ยังระบุต่อไปด้วยว่า นอกจากการเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาความแออัดแล้ว จะมีการหาแนวทางที่จะใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมืองให้เต็มศักยภาพมากขึ้น  หลังจากที่ผ่านมามีรายงานข่าวระบุว่าสายการบินไทยแอร์เอเชีย แสดงความสนใจที่จะมาทำการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยจะขอใช้อาคารระหว่างประเทศอาคาร 2 ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นแนวทางหนึ่งที่จะแก้ปัญหาความแออัดได้ โดยกระทรวงคมนาคมจะให้นโยบายกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.พิจารณาแก้ปัญหาโดยเร็ว

        ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สาเหตุที่ ตม.สุวรรณภูมิ เปิดช่องตรวจเพียงช่องเดียวจาก 3 ช่อง เพราะพนักงานไม่เพียงพอ เนื่องจากปิดซ่อมแซมไปส่วนหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งหารือและขอข้อตกลงว่าจะให้ทำรูปแบบเป็นโค้งเหมือนของฮ่องกง จะได้ดูเป็นระเบียบร้อยขึ้น ซึ่งทาง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการสั่งการเรียบร้อยแล้ว ส่วนทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการให้สายการบินโลว์คอสไปที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งก็ช่วยได้มากเลยทีเดียว
 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
11 เม.ย. เตรียมใช้สแกนนิ้วมือ-พาสปอร์ต ผ่าน ตม.ขาเข้า อัปเดตล่าสุด 16 มีนาคม 2555 เวลา 11:32:26 18,649 อ่าน
TOP