เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ตำรวจ เผย จากการตรวจสอบกะโหลกทั้ง 5 หัว บางส่วน มีร่องรอยการผ่าตัด คาดว่าน่าจะเป็นคนมีฐานะ และไม่ใช่ศพไร้ญาติ ล่าสุดได้สกัดดีเอ็นเอไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย.ผบ.ตร. ได้กล่าวถึง ความคืบหน้าคดีพบกะโหลกศรีษะทั้ง 5 หัว และชิ้นส่วนกระดูกจำนวนหนึ่งภายในถุงทราย บริเวณใต้สะพานคลอง 13 จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 18 เมษายนว่า หลังจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ตรวจสอบลักษณะของกะโหลก และฟัน รวมทั้งพิจารณาร่องรอยการตัดกะโหลก พบว่ากะโหลกทั้ง 5 หัว มีลักษณะการตัดเป็นวงกลมหมือนใช้เครื่องเจีย ซึ่งด้านหลัง ด้านข้าง มีรอย 4-5 แห่ง
โดยกะโหลกที่ 1 เป็นกะโหลกชาวเอเชีย เพศชาย อายุระหว่าง 20 - 45 ปี, กะโหลกที่ 2 เป็นคนเอเชีย ไม่สามารถระบุเพศได้ อายุระหว่าง 20 - 45 ปี พบร่องรอยการผ่าตัดกะโหลกมาก่อน, กะโหลกที่ 3 เป็นเพศหญิง อายุ 20 – 45 ปี, กะโหลกที่ 4 เพศหญิง อายุมากกว่า 45 และอาจจะเกินกว่า 60 ปี เนื่องจากพบว่า บริเวณเหงือกและฟันเป็นรำมะนาด และกะโหลกที่ 5 ยังไม่สามารถระบุเพศได้ มีอายุ 20 – 45 ปี มีร่องรอยของการผ่าตัดกะโหลก โดยเจ้าหน้าที่สกัดดีเอ็นเอไว้แล้ว และจากนี้จะทำการพิสูจน์ต่อไปว่าศพดังกล่าวเป็นการตายแบบผิดธรรมชาติหรือไม่
พล.ต.ท.จรัมพร ยังกล่าวอีกว่า การนำกะโหลกมากระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง มีความผิดทางอาญา เพราะกะโหลกถือเป็นทรัพย์สิน และศพที่มีร่องรอยการผ่าตัดกะโหลกมาก่อน น่าจะเป็นคนมีฐานะ ไม่ได้เป็นศพนิรนาม หรือศพไร้ญาติ และล่าสุดทราบมาว่า คนหาปลาพบถุงบรรจุกะโหลกดังกล่าวตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว รวมทั้งระบุว่า หัวกะโหลกอาจถูกขโมยมาจากป่าช้าย่านหนองแค จังหวัดสระบุรี คาดว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการล้างป่าช้าในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งต้องทำการสิบสวนต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในวงการไสยศาสตร์นั้นมีการนำชิ้นส่วนเฉพาะบริเวณหน้าผากมาปลุกเสกเพื่อทำให้สามีรัก สามีหลง หรือใช้เป็นเครื่องรางให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย รวมถึงเป็นเพื่อนแก้เหงา หรือพรายกระซิบ ซึ่งเรียกในวงศาสตร์มือว่า "ปั้นเหน่ง" โดยจะมีการขายตามอินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
