ย้อนเส้นทางชีวิต เจิม เส้งเอียด จอมโจรไข่หมูกผู้เลื่องชื่อ


ย้อนเส้นทางชีวิต เจิม เส้งเอียด จอมโจรไข่หมูกผู้เลื่องชื่อ

           หลายสิบปีก่อน ชื่อของ "เจิม เส้งเอียด" หรือที่รู้จักกันในนาม "จอมโจรไข่หมูก" เป็นที่รู้จักไปทั่วบ้านทั่วเมือง เนื่องจากเขาเป็นผู้ต้องหาก่อคดีมานับครั้งไม่ถ้วน ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เป็นเวลานาน และยังได้เดินเข้า-ออกคุกเป็นว่าเล่น แต่เมื่อเขาตัดสินใจเข้ามอบตัว และชดใช้กรรมในคุกจนครบระยะเวลาที่กำหนด จนได้ออกมามีอิสรภาพในโลกภายนอก เขาก็ปวารณาตัวเองว่าจะกลับตัวเป็นคนดี และวันนี้ ผู้ชายคนนี้กลับมาในฐานะ "ผู้อนุรักษ์ปกป้องผืนป่าบนเทือกเขาบรรทัด"

           หลายคนคงอยากรู้ว่า ชีวิตที่ผ่านมาของ "เจิม เส้งเอียด" อดีตมือฆ่า 32 ศพ ต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง และเพราะอะไรเขาถึงต้องมาเป็นโจร ลองไปย้อนดูเส้นทางชีวิตของอดีตขุนโจรผู้นี้กัน

           ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2518 "เจิม เส้งเอียด" หรือ "ไข่หมูก" ปรากฏชื่อเป็นข่าวครั้งแรก หลังจากก่อคดีจับตัว "วิรัตน์ นาคะวิโรจน์" เศรษฐีตลาดปากคลอง จังหวัดพัทลุง ไปเรียกค่าไถ่ สร้างความหวาดผวาให้กับเศรษฐีสวนยางพาราและสวนปาล์มในพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างมาก เพราะกลัวจะถูกจอมโจรคนนี้ข่มขู่เรียกค่าคุ้มครอง หรือถูกจับไปเรียกค่าไถ่ แต่ไม่นานนัก ไข่หมูก ก็ถูกตำรวจจับกุมตัวได้สำเร็จ และเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางบางขวางครั้งแรก จนพ้นโทษมาเมื่อปี พ.ศ. 2526 

           จากนั้นไม่นาน ไข่หมูก ก็กลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีกครั้ง เมื่อเขาหาญกล้าใช้อาวุธปืนจี้ผู้พิพากษาที่ห้องพิจารณาคดีจังหวัดสงขลา ด้วยความแค้นส่วนตัวที่ตัดสินให้เขาต้องติดคุก ทำให้เขาถูกตำรวจจับกุมอีกครั้ง กระทั่งในปี พ.ศ. 2531 ผู้คุมอนุญาตให้ ไข่หมูก ออกมานอกเรือนจำได้ เนื่องจากประพฤติตัวดีจนได้เลื่อนขั้นเป็นนักโทษชั้นดี

           แต่ทว่าการออกมานอกเรือนจำครั้งนี้ ทำให้เขาวางแผนแหกคุก ด้วยการออกอุบายขอเดินทางไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดพัทลุง และนัดแนะกับพรรคพวกให้ดักซุ่มชิงตัวระหว่างทาง ซึ่งในที่สุดแผนการดังกล่าวก็สำเร็จด้วยดี เขาสามารถออกมาจากเรือนจำได้สำเร็จ แต่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ หนีการตามล่าจากเจ้าหน้าที่รัฐ

           เจิม เส้งเอียด สามารถหลบหนีเจ้าหน้าที่ได้นานกว่า 3 ปี แต่กลับไปก่อเหตุลักพาตัว "จวน กลั้งทองด้วง" เศรษฐีเจ้าของสวนยางพาราแห่งอำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง ไปเรียกค่าไถ่ ไม่นานนัก ตำรวจก็สามารถแกะรอยจอมโจรไข่หมูกได้ และจับกุมเขาได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

           เจิม เส้งเอียด ได้กลับเข้าไปนอนคุกอีกครั้ง แต่เขาทนอยู่ในคุกได้เพียงแค่ 3 ปี ก็วางแผนร่วมกับเพื่อนแหกคุกออกมาได้สำเร็จ ในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 พร้อมกับทิ้งจดหมายซึ่งเขียนข้อความไว้ว่า "เป็นเสืออยู่ในป่า ดีกว่าเป็นราชาอยู่ในคุก อิสรภาพไม่มีพรมแดน ไม่มีใครอยากติดคุกแม้แต่วันเดียว"

           แต่ เจิม เส้งเอียด ก็หลบหนีอยู่ได้ไม่กี่เดือน พ.ศ. 2538 เขาก็ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทางการ ณ จวนผู้ว่าฯ พัทลุง เพื่อต้องการเงินรางวัลนำจับตัวเอง จำนวน 400,000 บาท ไปช่วยเหลือครอบครัวที่กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน ติดคุกได้เพียงปีเดียว เจิม เส้งเอียด ก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ ภายหลังออกจากคุกมาได้ไม่นาน เจิม เส้งเอียด ก็ตัดสินใจบวชเป็นพระที่วัดในเตา อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เป็นเวลา 1 ปี โดยได้รับฉายาว่า "พระจันทธรรมโม" 

           เจิม เส้งเอียด เคยให้สัมภาษณ์ว่า สาเหตุที่ต้องเลือกประกอบอาชีพโจรเรียกค่าคุ้มครอง ก็เพราะพี่ชายของเขา (จิต เส้งเอียด) ถูกฆ่าตาย เขาจึงตามฆ่าคู่อริ เพื่อล้างแค้นให้พี่ชาย แต่เมื่อฆ่าคู่อริแล้ว ฝ่ายนั้นก็กลับมาล้างแค้น จนเกิดศึกการฆ่าล้างแค้นขึ้นทำให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย ในที่สุดเขาต้องหนี หางานทำไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องยึดอาชีพโจร 

           อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ เจิม เส้งเอียด ออกมาใช้ชีวิตอยู่ภายนอก ก็ยังคงมีจดหมายอ้างตัวเป็นสมุนจอมโจรไข่หมูกออกเรียกค่าไถ่ รวมทั้งเรียกเก็บค่าคุ้มครอง จากเจ้าของสวนยางพาราและสวนปาล์มภาคใต้อยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ตำรวจต้องผนึกกำลังกันปราบปราม ด้วยความที่มีชนักติดตัว ทำให้ เจิม เส้งเอียด ไม่กล้าเข้าไปพบตำรวจ เพราะไม่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม เขาจึงหลบอยู่ในจังหวัดพัทลุง 

ย้อนเส้นทางชีวิต เจิม เส้งเอียด จอมโจรไข่หมูกผู้เลื่องชื่อ

           สุดท้ายแล้ว การกดดันอย่างหนักจากเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ทำให้ เจิม เส้งเอียด ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 โดย เจิม เส้งเอียด ยืนยันว่า คดีเขียนจดหมายปลอมส่งไปเรียกค่าคุ้มครองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ฝีมือของเขา แต่เป็นฝีมือของกลุ่มวัยรุ่นทั่วไปที่นำชื่อของไข่หมูกไปแอบอ้าง สำหรับเรื่องคดีกรรโชกทรัพย์ หรืออื่น ๆ ที่ทางตำรวจตั้งข้อหานั้น ขอให้ตำรวจดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม และพร้อมจะต่อสู้คดีโดยไม่ขอประกันตัว

           ทั้งนี้ การเข้ามอบตัวในวันนั้น เจิม เส้งเอียด ถูกตั้งข้อหาตามหมายจับกุมของศาล จำนวน 7 คดี ใน 5 จังหวัดภาคใต้ และได้กลับเข้าไปอยู่ในคุกอีกครั้ง ก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ เขาจึงได้กลับออกมาใช้ชีวิตในโลกภายนอก และประกาศว่าจากนี้ไปเขาจะไม่กลับเข้าไปอยู่ในคุกอีกแล้ว 

           จากนั้น เจิม เส้งเอียด ในวัย 61 ปี ได้ออกอัลบั้มเพลง "โจรกลับใจ" ที่แต่งขึ้นเพื่อบอกเล่าประวัติชีวิตที่ผ่านมาของเขา เพื่อวางจำหน่ายหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวในช่วงบั้นปลายชีวิต นอกจากนี้ เจิม เส้งเอียด ยังยืนยันว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ต้องกลัวโจรไข่หมูกอีกแล้ว และหากมีจดหมายเรียกค่าคุ้มครองปรากฏที่ไหน นั่นคือการแอบอ้างชื่อทั้งสิ้น

ย้อนเส้นทางชีวิต เจิม เส้งเอียด จอมโจรไข่หมูกผู้เลื่องชื่อ

           ในเวลาต่อมา ชื่อของ เจิม และ เอียด เส้งเอียด น้องชาย กลับมาปรากฏเป็นข่าวอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้กระทำผิดกฎหมาย เพราะครั้งนี้ สองพี่น้องกลับมาด้วยความตั้งใจที่จะอนุรักษ์และปกป้องผืนป่าบนเทือกเขาบรรทัด หลังจากได้รับคำชักชวนจากนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้มาเป็นแนวร่วมอนุรักษ์ผืนป่าของภาคใต้ที่ถูกคนบุกรุกทำลายมากขึ้นทุกวัน

           เจิม และ เอียด ในฐานะกลุ่มจิตอาสาพิทักษ์ป่าเทือกเขาบรรทัด ตัดสินใจร่วมกันปกป้องผืนป่าภาคใต้ พร้อมกับขึ้นป้ายประกาศห้ามชาวใต้ตัดไม้ทำลายป่า รวมทั้งห้ามนำช้างเข้าไปชักลากไม้ในเขตหวงห้าม โดยเขาลั่นวาจาว่าจะปกป้องผืนป่าบนเทือกเขาบรรทัด อันเป็นบ้านเกิดของเขาด้วยชีวิต 
 
 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
     




 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ย้อนเส้นทางชีวิต เจิม เส้งเอียด จอมโจรไข่หมูกผู้เลื่องชื่อ อัปเดตล่าสุด 4 พฤษภาคม 2563 เวลา 22:24:12 51,158 อ่าน
TOP
x close