เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ยื่นเงิน 20,000 บาท ประกันตัวสาวขายซีดีกตัญญู พร้อมเร่งแก้กฏหมายตามความเป็นจริง ด้านเจ้าตัวรู้สึกโล่งใจ ก่อนหน้านี้เครียดมาก ถึงขั้นกรีดข้อมือตัวเอง
วานนี้ (17 พฤษภาคม) มีรายงานว่า พนักงานอัยการศาลอาญาธนบุรี ได้นัดหมายให้ น.ส.สุดาวดี โกมลวิชญ์ อายุ 28 ปี ซึ่งถูกตำรวจ สน.บางมด จับกุมขณะนำแผ่นซีดีภาพยนตร์เก่า 10 แผ่น มาวางจำหน่ายในตลาดโอ๋เอ๋ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2553 ให้มารับฟังคำพิพากษาที่ศาลอุทธรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี และให้จำเลยเข้ารับคำปรึกษาที่คลินิกด้านจิตสังคมเป็นเวลา 1 ปี อีกทั้งยังริบของกลางไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ได้ยื่นคำพิพากษาตามศาลชั้นต้น ให้จำเลยมีความผิดจริง สั่งปรับจำเลยฐานประกอบกิจการจำหน่ายแผ่นดีวีดีภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเงินกว่า 20,000 บาท และความผิดฐานซึ่งภาพยนตร์ที่ไม่ผ่านการตรวจพิจารณาจากคณะกรรมการ มีโทษปรับ 20,000 บาท รวมเป็น 40,000 บาท แต่จำเลยมีฐานะยากจน มีโรคประจำตัว ทำผิดเนื่องจากไม่รู้ข้อกฏหมาย และอยู่ระหว่างการศึกษา อีกทั้งยังไม่เคยรับโทษมาก่อน ศาลจึงสั่งปรับเพียง 20,000 บาทเท่านั้น
ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยนายวิษณุ โกมลวิชญ์ อายุ 65 ปี และนางมาริษา อนิวรรณ อายุ 65 ปี ได้เดินทางมาประกันตัว น.ส.สุดาวดี พร้อมกับจ่ายค่าปรับ 20,000 บาท และให้รถตำรวจทางหลวง พาครอบครัวนี้กลับบ้านด้วย ซึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ตนต้องยื่นมือเข้ามาช่วย เนื่องจากนางสาวสุดาวดี มีฐานะยากจน อีกทั้งยังเป็นลูกกตัญญู หากนางสาวสุดาวดีไม่เสียค่าปรับ ก็จะถูกกักขังแทนวันละ 200 บาท ตนอยากให้นางสาวสุดาวดีออกมาเลี้ยงดูบุพการีและเรียนต่อจนจบปริญญาตรี
นอกจากนี้ ตลอด 2 ปีที่่ผ่านมา ประเทศไทยมีผู้กระทำความผิดฐานนำแผ่นซีดีและวีซีดีภาพยนตร์มาวางขายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ศาลมักสั่งปรับโทษสูงสุด 200,000 บาท แต่ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 100,000 บาท น.ส.สุดาวดี เป็นกรณีเเรกที่ศาลสั่งปรับเพียง 40,000 บาท และลดโทษเหลือเพียง 20,000 บาท เนื่องจากศาลพิเคราะห์ว่าไม่ได้นำมาวางขายเพื่อเอากำไร ทำไปเพราะความยากจนของครอบครัว อีกทั้งยังไม่รู้ข้อกฏหมาย ตนจึงขอวิงวอนให้แก้กฏหมายตามข้อเท็จจริง เพราะยังมีคนที่วางขายแผ่นซีดีเพื่อนำเงินมาเลี้ยงครอบครัวอีกเป็นจำนวนมาก
ด้าน นายวิษณุ บิดาน.ส.สุดาวดี กล่าวว่า ลูกสาวเกิดความเครียดเป็นอย่างมาก ยิ่งทราบว่าอัยการอุทธรณ์คดียิ่งเครียดหนักกว่าเดิม บางครั้งลูกสาวก็อาละวาด ใช้มีดกรีดข้อมือตัวเองและเกิดภาพหลอน ต้องเข้ารับการบำบัดโดยเเพทย์ รักษาเดือนละครั้ง เป็นระยะเวลา 1 ปีมาแล้ว การรับฟังคดีครั้งนี้จึงถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะอยากให้คดีจบ ๆ ไปเสียที อีกทั้งต้องขอบคุณ พล.ต.อ.พงศพัศ และสภาทนายความที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด
ส่วน น.ส.สุดาวดี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอบคุณ พล.ต.อ.พงศพัศ และสื่อมวลชนที่เผยเเพร่ความจริงให้สังคมรับรู้ หลังจากนี้จะพยายามเรียนให้จบ ตอนนี้ยังคงสภาพนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่วางจำหน่ายแผ่นซีดี-ดีวีดี ว่าอย่าทำผิดกฏหมาย เพราะมิเช่นนั้นอาจจะเจอโทษหนัก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
