นักศึกษาผู้ก่อเหตุที่ถูกจับกุม
ตำรวจรวบ 3 หัวโจก เทคโนฯ กรุงเทพ ใช้ปืนและมีดทำร้ายผู้อื่นบาดเจ็บ เรียกผู้ปกครองร่วมสอบก่อนส่งศาลเยาวชน แจ้งข้อหาพยายามฆ่า-มีอาวุธปืนในครอบครอง
วันนี้ (25 พฤษภาคม) พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผกก.สน.บางนา เปิดเผยความคืบหน้าคดีกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ ใช้อาวุธปืนและมีด รุมทำร้ายนักเรียนโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ บนรถประจำทางสาย 129 บริเวณถนนสุขุมวิท ก่อนถึงแยกบางนา ฝั่งขาเข้า จนเป็นเหตุให้พนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ ถูกลูกหลงกระสุนปืน บาดเจ็บ ว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า มีนักเรียนวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ จำนวน 20 กว่าคน ที่ร่วมก่อเหตุ โดยมี 3 คน ในจำนวนนั้น ที่เป็นหัวโจกได้ใช้ปืนและมีดทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางตำรวจทราบแล้วว่า 3 คนดังกล่าวเป็นใครบ้าง เนื่องจากภาพวงจรปิดมีความชัดเจน จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่โรงเรียนดังกล่าว เพื่อเข้าตรวจสอบ
ทั้งนี้ ตำรวจสามารถติดตามตัวนักเรียนทั้ง 3 คน มาได้แล้ว พร้อมอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวนหนึ่ง โดยทั้ง 3 คน ยังเป็นเยาวชน อายุระหว่าง 16-17 ปี จึงต้องดำเนินการเชิญผู้ปกครอง พร้อมกับสหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำตามกระบวนการทางกฎหมาย ก่อนจะนำตัวไปขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ซึ่งต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ ตำรวจสามารถติดตามตัวนักเรียนทั้ง 3 คน มาได้แล้ว พร้อมอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก และกระสุนปืนขนาด .38 จำนวนหนึ่ง โดยทั้ง 3 คน ยังเป็นเยาวชน อายุระหว่าง 16-17 ปี จึงต้องดำเนินการเชิญผู้ปกครอง พร้อมกับสหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำตามกระบวนการทางกฎหมาย ก่อนจะนำตัวไปขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ซึ่งต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนมาตรการป้องกันนั้น ยอมรับว่าทำได้ยาก แต่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามประสานกับทางโรงเรียน ในการปลูกฝังและกวดขันนักเรียนในสังกัดเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่ออยู่นอกโรงเรียน ก็ไม่สามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ล่าสุดวันนี้ (25 พฤษภาคม) นายชาญวิทย์ ทัพสุพรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ผอ.กช.) ได้เปิดเผยว่า ก่อนเปิดภาคเรียนสองสัปดาห์ ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และ ผู้บริหารอาชีวะเอกชนต่าง ๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เตรียมมาตรการเพื่อป้องกันนักเรียนทะเลาวิวาทกัน ซึ่งได้ทำเป็นประจำติดต่อกันมาทุกปี เพราะทราบดีว่า ช่วงเปิดเทอมมักจะมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้น จึงต้องคอยจับตามองเป็ยนพิเศษ
นายชาญวิทย์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทาง สช. ได้มีแผนป้องกันเตรียมไว้แล้ว โดยมีโครงการพัฒนาผู้นำศึกษา และพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม โดยการพานักเรียน นักศึกษาอาชีวะ ไปเข้าค่ายอบรมในค่ายลูกเสือ และเข้าศูนย์พัฒนาจิตใจ ที่ จ.สระบุรี ปราจีนบุรี ลพบุรี รุ่นละ 3-7 วัน จึงทำให้สถิตินักเรียน นักศึกษาอาชีวะเอกชนทะเลาะวิวาทลดลง แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องพัฒนาจิตใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
อย่างไรก็ตาม นายชาญวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ตนได้รับมอบนโยบายจาก นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ สช. ดูแลเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในโรงเรียนต่าง ๆ โดยมีโทษดังนี้..
1.ว่ากล่าวตักเตือน
2.หากนักเรียน นักศึกษาอาชีวะสถาบันใดยังก่อเหตุซ้ำ ๆ อีก และรุนแรงขึ้น ก็จะให้ทางสถาบันนั้น งดรับนักเรียน นักศึกษาชั้น ปวช.1 ในปีต่อ ๆ ไป
ผอ.กช. กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการนี้ สช.ได้นำไปใช้กับสถานศึกษาที่ก่อเหตุบ่อย ๆ บางแห่งแล้ว โดยปิดปีละชั้น ซึ่งก็ได้ผลเพราะทำให้ปัญหาไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้น ในปีการศึกษา 2556 จะให้สถาบันเทคโนโลยีกรุงเทพ และสถาบันเทคโนโลยีไทยวิจิตรศิลป์ งดรับนักเรียนชั้น ปวช.1 ก่อน แต่ถ้าเด็กกลุ่มเดิมยังมีปัญหาอยู่ ก็คงต้องปิดสถาบันที่ก่อเหตุ เป็นวิธีสุดท้าย แต่ถ้าหากโรงเรียนอาชีวะดังกล่าว สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็จะอนุญาตเปิดรับนักศึกษาชั้น ปวช. 1 ได้ในปีต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ล่าสุดวันนี้ (25 พฤษภาคม) นายชาญวิทย์ ทัพสุพรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ผอ.กช.) ได้เปิดเผยว่า ก่อนเปิดภาคเรียนสองสัปดาห์ ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และ ผู้บริหารอาชีวะเอกชนต่าง ๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เตรียมมาตรการเพื่อป้องกันนักเรียนทะเลาวิวาทกัน ซึ่งได้ทำเป็นประจำติดต่อกันมาทุกปี เพราะทราบดีว่า ช่วงเปิดเทอมมักจะมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้น จึงต้องคอยจับตามองเป็ยนพิเศษ
นายชาญวิทย์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทาง สช. ได้มีแผนป้องกันเตรียมไว้แล้ว โดยมีโครงการพัฒนาผู้นำศึกษา และพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม โดยการพานักเรียน นักศึกษาอาชีวะ ไปเข้าค่ายอบรมในค่ายลูกเสือ และเข้าศูนย์พัฒนาจิตใจ ที่ จ.สระบุรี ปราจีนบุรี ลพบุรี รุ่นละ 3-7 วัน จึงทำให้สถิตินักเรียน นักศึกษาอาชีวะเอกชนทะเลาะวิวาทลดลง แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องพัฒนาจิตใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
อย่างไรก็ตาม นายชาญวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ตนได้รับมอบนโยบายจาก นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ สช. ดูแลเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในโรงเรียนต่าง ๆ โดยมีโทษดังนี้..
1.ว่ากล่าวตักเตือน
2.หากนักเรียน นักศึกษาอาชีวะสถาบันใดยังก่อเหตุซ้ำ ๆ อีก และรุนแรงขึ้น ก็จะให้ทางสถาบันนั้น งดรับนักเรียน นักศึกษาชั้น ปวช.1 ในปีต่อ ๆ ไป
ผอ.กช. กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการนี้ สช.ได้นำไปใช้กับสถานศึกษาที่ก่อเหตุบ่อย ๆ บางแห่งแล้ว โดยปิดปีละชั้น ซึ่งก็ได้ผลเพราะทำให้ปัญหาไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้น ในปีการศึกษา 2556 จะให้สถาบันเทคโนโลยีกรุงเทพ และสถาบันเทคโนโลยีไทยวิจิตรศิลป์ งดรับนักเรียนชั้น ปวช.1 ก่อน แต่ถ้าเด็กกลุ่มเดิมยังมีปัญหาอยู่ ก็คงต้องปิดสถาบันที่ก่อเหตุ เป็นวิธีสุดท้าย แต่ถ้าหากโรงเรียนอาชีวะดังกล่าว สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็จะอนุญาตเปิดรับนักศึกษาชั้น ปวช. 1 ได้ในปีต่อไป
คนขับรถเมล์-ผู้บาดเจ็บ เล่านาทีระทึก! ถูกช่างกลไล่ยิง
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (24 พฤษภาคม) รายการเจาะข่าวเด่น ดำเนินรายการโดยสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ได้สัมภาษณ์นายธีระ ธรรมเริง คนขับรถเมล์สาย 129 และนายทศพล ใจเกื้อ ผู้โดยสารที่ถูกลูกหลงจากกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยนายธีระ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถออกมาจากอู่รถที่สำโรง ซึ่งก็มีนักเรียนจากโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ ประมาณ 10 กว่าคน ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ขึ้นมาตั้งแต่รถจอดอยู่ที่อู่ และนั่งอยู่บริเวณท้ายรถ ระหว่างทางตนก็ขับรถรับผู้โดยสารเรื่อยมาจนเต็มคันรถ
นายธีระ เล่าต่อว่า เมื่อขับรถมาถึงป้ายแบริ่ง ตนมองเห็นกลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ ประมาณ 30-40 คน ยืนขวางถนนอยู่บริเวณช่องทางซ้าย และช่องทางกลาง โดยถือไม้ไผ่ยาวประมาณ 5 เมตรในมือ เหมือนกับดักรอรถเมล์อยู่ ตนจึงเบี่ยงรถไปช่องทางขวา แต่กลุ่มนักเรียนก็ยังมายืนขวางเต็มถนน ตนจึงเปิดไฟ และบีบแตรลั่น เพื่อขอทาง ระหว่างนั้น มีผู้โดยสารในรถตะโกนขึ้นมาว่า มีคนถูกยิง ตนจึงพยายามขับรถฝ่ากลุ่มนักศึกษาไป เนื่องจากกลัวว่า หากจอดรถ ผู้โดยสารทั้งคันจะไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังมีผู้โดยสารในรถถูกยิงได้รับบาดเจ็บแล้วด้วย
คนขับรถใจเด็ด เล่าว่า ช่วงที่กำลังจะขับรถถึงป้ายตรงข้ามกรมอุตุฯ ช่วงนั้นรถชะลอตัว กลุ่มนักศึกษาที่ขวางรถเมล์อยู่ ก็ตะโกนด่าสารพัด และพยายามทุบ เพื่อพังประตูรถ ให้รถหยุด แต่ตนก็คิดว่า ยังไงก็หยุดรถไม่ได้ และพยายามบีบแตรยาว ๆ ตั้งแต่ศุภาลัยมาจนถึงสี่แยกบางนา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้น ขณะที่ผู้โดยสารในรถก็ตะโกนบอกให้ตนขับรถฝ่าไปเลย เพราะหากจอดรถต้องตายหมดคันแน่ ตนจึงพยายามเปิดไฟสูง บีบแตร ค่อย ๆ ไถรถไปเรื่อย ๆ และยกมือไหว้ขอทางเหมือนกับกำลังขอชีวิต แต่นักศึกษากลุ่มนี้ก็ยังวิ่งไล่ตามไปเกือบถึงสี่แยกบางนา แล้วก็หยุดตามไป เพราะบริเวณสี่แยกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ตนจึงพาผู้โดยสารออกมาจากวงล้อมได้สำเร็จ
ทั้งนี้ นายธีระ ยังเผยความรู้สึกว่า ขับรถมายี่สิบกว่าปีไม่เคยเจอเหตุการณ์รุนแรงขนาดนี้เลย เคยแต่เจอตีกันเล็ก ๆ น้อย ๆ และถึงตอนนี้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้ว แต่ตนก็ยังรู้สึกสั่น ๆ และกลัวอยู่เลย
ด้านนายทศพล ใจเกื้อ ผู้โดยสารที่ถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ด้านซ้าย เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะนั้นกำลังยืนอยู่บนรถเมล์ และมีคนในรถบอกให้หมอบลง แต่ตนไม่สามารถก้มลงไปได้มาก เพราะภายในรถเมล์มีผู้โดยสารยืนอยู่จำนวนมาก ส่วนผู้โดยสารที่นั่งอยู่ทางซ้ายก็กรูลุกขึ้นมาเบียดอีก เพราะเห็นกลุ่มนักศึกษาพากันทุบรถเมล์ฝั่งซ้าย และเอาเหล็ก เอาไม้ มาฟาดรถอย่างรุนแรง
นายทศพล เล่าต่อว่า สักพักหนึ่ง ตนรู้สึกว่ามีของแข็งอะไรบางอย่างคล้ายก้อนหินมาเขวี้ยงมาใส่ที่หลัง ก่อนที่จะล้มลง คนอื่น ๆ ในรถ บอกว่า ตนถูกยิง จะช่วยพาไปโรงพยาบาล แต่ตอนนี้รถหยุดไม่ได้ เพราะคนข้างล่างวิ่งไล่ตีอยู่ ตนจึงนั่งลงกับพื้น เพราะกลัวจะถูกยิงอีก
เมื่อถามถึงอาการล่าสุด นายทศพล บอกว่า ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่แพทย์เอาลูกกระสุนออกให้ไม่ได้ เพราะลูกกระสุนฝังลึก หากผ่าตัดออกอาจจะไปถูกจุดสำคัญได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
