เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ทนายผู้ต้องหามินิคูเปอร์ชนพลเมืองดีขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน - ด้าน รองผบช.น. เผยพบหลักฐานติดป้ายทะเบียนปลอมเพิ่มเติม สั่งดำเนินคดีทุกข้อหา
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าคดีรถมินิคูเปอร์ชนพลเมืองดี 4 คนบนสะพานพระราม 9 ก่อนหลบหนีลอยนวล ว่า นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางหงษ์ แซ่ลี้ อายุ 81 ปี เจ้าของรถมินิคูเปอร์เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ นายเกิดผล ทนายความ ยอมรับว่า หลานของนางหงษ์ เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวในวันเกิดเหตุและยอมรับว่าชนคนจริง ส่วนที่ไม่ได้ลงไปดูผู้บาดเจ็บเพราะอยู่ในอาการตกใจ โดยขณะนี้ผู้ขับขี่อยู่ต่างจังหวัด พร้อมกับระบุว่า วันเกิดเหตุขณะขับขี่รถชนพลเมืองดี ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ แต่นอนน้อยเนื่องจากกลับจากดูฟุตบอลที่บ้านแล้วขับมาตรงช่วงสะพานพระราม 9 พบรถเบนซ์จอดอยู่ จึงหักหลบไปชนกลุ่มพลเมืองดีจนได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุไม่ได้แจ้งให้ทางบ้านทราบ จนกระทั่งเป็นข่าวและถูกออกหมายเรียก
ทางด้าน พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบรถมินิคูเปอร์สีแดง พบว่าติดทะเบียนปลอมเป็นป้ายแดง น-4721 โดยใช้กาวสองหน้า ทั้งที่รถคันนี้ได้ทะเบียนป้ายขาว ทะเบียน ฆก-5232 กทม.จากกรมการขนส่งมานานแล้ว ทั้งนี้ ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหานี้ทุกข้อหาที่กระทำผิดลงไป และจะไม่ปล่อยให้ผู้ก่อเหตุซึ่งมีอายุ 18 ปีแล้วหนีลอยนวลไปได้เด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ขับขี่ยังไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งจะมีการออกหมายเรียกอีกครั้ง หากไม่มาจะออกหมายจับและติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
