เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่กี่ยวข้องกับข้อมูล
โครงการสร้างแนวป้องกันน้ำท่วม อนุมัติกู้เงินธนาคารออมสินกว่า 5,400 ล้าน เพื่อป้องกัน 6 นิคมอุตสาหกรรม ด้านวงการก่อสร้างชี้ราคาต้นทุนอาจแพงเกินจริง เฉลี่ย กม.ละ 1 ล้านบาท
คณะกรรมการการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำถาวรของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มีนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน อนุมัติให้กู้เงินจำนวน 5,415.17 ล้านบาท จากธนาคารออมสิน เพื่อใช้ในการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมจำนวน 6 แห่ง ที่อยู่ในความเสี่ยง คือ...
1. นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
2. นิคมอุตสาหกรรมบางชัน
3. นิคมอุตสาหกรรมบางปู
4. นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร
5. นิคมอุตสาหกรรมบางพลี
6. นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร
ซึ่งจากการคำนวณความยาวของแนวป้องกันน้ำทั้งหมด รวมได้ 66.7 กิโลเมตร และมีบางนิคมที่ใช้วงเงินค่อนข้างสูง เช่น นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง วงเงินประมาณ 1,769.07 ล้านบาท ต่อความยาว 17 กิโลเมตร กับ นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร วงเงินประมาณ 1,462.90 ล้านบาท ต่อความยาว 14.5 กิโลเมตร ทำให้ค่าเฉลี่ยของการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมจากนิคมอุตสาหกรรม 2 แห่งนี้ มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 100 ล้านบาท ต่อ 1 กิโลเมตร
โดย นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ชี้แจงว่า วงเงินดังกล่าวถูกประเมินโดย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่รับว่าจ้างให้ศึกษาออกแบบ รวมทั้งกำหนดวงเงินค่าก่อสร้าง โดยนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังและนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาครต้องใช้เหล็กเป็นวัสดุหลัก ต่างจากอีก 4 นิคมที่เหลือ ที่ใช้คอนกรีตเป็นวัสดุหลัก จึงทำให้ราคาออกมาแตกต่างกัน ซึ่งทางการนิคมอุตสาหกรรมจำเป็นต้องตั้งวงเงินเผื่อเอาไว้ โดยไม่ได้เป็นการขอเงินจากรัฐบาลแต่เป็นการกู้ยืมเงิน และชดใช้หนี้จากรายได้ของการนิคมอุตสาหกรรมเอง
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากวงการก่อสร้างอธิบายว่า หากคำนวณขนาดกำแพงกั้นน้ำที่ใช้วัสดุหลักเป็นคอนกรีต ให้ลึกลงไปในผิวดิน 2 เมตร สูงเหนือผิวดิน 3-4 เมตร ต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณ กิโลเมตรละ 20-30 ล้านบาท แต่หากใช้เหล็กเป็นวัสดุหลัก ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเป็น กิโลเมตรละ 40 ล้านบาทโดยประมาณ และไม่น่าเกินนี้อย่างแน่นอน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
