บทลงเอยบัวขาวกับป.ประมุขจบแบบเจ็บๆ (ไอเอ็นเอ็น)
โดย ปรัชญา วรรณวิจิตร โต๊ะข่าวกีฬา INN
ทำเอาช็อกกันไปทั้งบาง เมื่อจู่ๆ บัวขาว ป.ประมุข หรือ สมบัติ บัญชาเมฆ ประกาศแขวนนวมแบบฟ้าผ่า ยุติเส้นทางชีวิตการเป็นนักมวยไทย เพื่อตัดปัญหาความขัดแย้ง กับทางค่าย ป.ประมุข ต้นสังกัดเก่า โดยมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาทำลายทุกอย่าง
ต้องบอกว่า ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ว่าความบาดหมางระหว่าง เจ้าดำดอทคอม กับ ค่าย ป.ประมุข จะขาดสะบั้น พร้อมจบลงด้วยความพ่ายแพ้ทั้ง 2 ฝ่าย
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มี.ค. สืบเนื่องมาจาก บัวขาว ป.ประมุข หายตัวพร้อมรถหรู ออกไปจากค่ายย่าน อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา อย่างไร้ร่องรอย โดยไม่บอกกล่าว ทำเอาทางค่ายถึงกับช็อก เพราะ บัวขาว อยู่กับ ป.ประมุข มาตั้งแต่เล็กๆ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทำให้ "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย และ "เสี่ยอุ" ธีรพัฒน์ ลูกชาย ที่รับหน้าเป็นผู้จัดการค่าย ช่วยกันออกตามหา บัวขาว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ข่าวคราวของ บัวขาว กับค่าย ป.ประมุข ถูกตั้งประเด็น ตามหน้าหนังสือพิมพ์ขึ้นทุกวัน บ้างก็บอกว่า บัวขาว หนีไปเพราะมีมือที่ 3 ชักชวน บ้างก็ว่าเพราะค่ายติดเงิน บ้างก็ว่า บัวขาว โดนใช้เหมือนทาส เลยเถิดไปถึงขั้น บัวขาว ติดพันกับสาวจนเสียผู้เสียคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเงื่อนงำปริศนาที่ต้องการคำตอบ ???
เวลาผ่านพ้นไป 11 วัน หลังหนีผละออกมาจากค่าย ในที่สุด ช่วงค่ำวันที่ 12 มี.ค. บัวขาว ยอมออกมาปรากฏตัว และเปิดใจที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง โดยบอกสาเหตุว่า เนื่องจากเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ และความกดดันซึ่งสะสมมานานเป็นประจำนานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งที่ผ่านมาพยายามสะสางปัญหา แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น รวมทั้ง ปัญหาสภาพร่างกาย จึงได้ตัดสินใจหนีออกจากค่าย ยืนยันว่า สาเหตุไม่ได้มีมือที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง ยอมรับว่า มีการทาบทามจากค่ายอื่น แต่ตนไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด ส่วนเรื่องเงินก็มีปัญหาบ้าง แต่ไม่ใช่สาเหตุสำคัญแน่นอน
"ผมตั้งใจฝึกซ้อมตลอด ไม่เคยขาดซ้อมเลย บางครั้งเจอคำพูดทำร้ายจิตใจก็ทนไม่ไหว ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดจะแขวนนวมด้วย ตอนนี้ขอดูแลสุขภาพร่างกายให้เต็มที่ก่อน ยืนยันว่าเรื่องเงิน และเรื่องผู้หญิงไม่ใช่ปัญหาแน่นอน"
ส่วนทางค่าย ป.ประมุข เอง จึงถูกสังคมตั้งคำถามทันที จนมีการออกมาตอบโต้ว่า เหตุที่ เจ้าดำ เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เช่นนี้ เบื้องหลังมาจากการถูกชักจูงจากคนมีอำนาจ เป็นมือที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง และทางค่ายขอยืนยันว่าไม่เคยใช้ เจ้าดำ เยี่ยงทาส หรืออมเงิน บัวขาว ตามที่เป็นข่าว แต่ประการใด
งานอีเว้นท์ที่ทางค่าย ป.ประมุข ได้ติดต่อไว้ จึงถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ถึงแม้ว่า ตัวบัวขาว จะอิสระ แต่สัญญาอาชีพชกมวย ยังคงติดพันอยู่กับค่าย ทำให้การชกที่เวทีใดก็ตาม ต้องได้รับการอนุญาตจากทางค่ายเสียก่อน ถ้าฝ่าฝืน มีสิทธิ์โดนฟ้องร้อง เท่ากับว่า การขึ้นชกในศึกไทยไฟท์ 2012 วันที่ 17 เม.ย. ที่เมืองพัทยา ต้องไม่มีบัวขาว
ซึ่งในศึกไทยไฟท์ 2012 วันที่ 17 เม.ย. นี้เอง ที่ทำให้เรื่องราวทุกอย่างกลับเลวร้าย และชวนชุลมุนวุ่นวายมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อ เจ้าดำ ไม่สนคำขู่ กระโจนขึ้นเวที แทนที่ ไทรโยค พุ่มพันธุ์ม่วง ที่พักร่างกายไม่ถึง 21 วัน ซึ่งผิด พ.ร.บ.มวยอาชีพ โดยไฟท์นั้น เจ้าดำ ไล่ต่อย ไล่ยำ รัสเท็ม ซาริปอฟ นักมวยรัสเซีย จนน็อกในยกที่ 2 แบบสะใจคนไทยทั้งประเทศ พร้อมกับตบท้ายคำพูดระบายความอึดอัดหลังการชกว่า "ถึงวันพรุ่งนี้ผมจะต้องติดคุก ผมก็ยอม" ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า นั่นจะเป็นไฟท์สุดท้ายของ บัวขาว ป.ประมุข
เพราะเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา การเจรจา เพื่อข้อยุติความขัดแย้ง ระหว่าง บัวขาว กับค่าย ป.ประมุข ที่ตึกการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีคณะกรรมการตัวกลาง ช่วยไกล่เกลี่ย จนแล้วจนรอด ความพยายามให้ทุกอย่างเคลียร์ภายในวันนั้น แต่กลับกลายเป็นเพิ่มความกดดันไปยัง บัวขาว ประจวบกับการหาข้อสรุปไม่ลงตัว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น บัวขาว ประกาศขอแขวนนวม เพื่อเป็นการยุติความขัดแย้ง
ซึ่งนับว่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ เราจะไม่ได้เห็น นักมวยไทยซูเปอร์สตาร์ ที่ชึ้นชื่อว่า เก่งกาจที่สุดในโลก บนสังเวียนอีกต่อไป คงจะมีเพียงแค่บทเล่าขาน และวิดีโอย้อนหลัง ไว้ดูเท่านั้น ต้องบอกว่า เป็นเพียงเพราะผลประโยชน์ตัวเดียว ที่ทำให้ทุกอย่างจบลงไม่สวย เชื่อว่า ทางค่าย ป.ประมุข ก็คงเสียใจ ที่ไม่ได้ บัวขาว กลับคืนมาอีกต่อไป ส่วน บัวขาว เขาเองก็คงเสียใจไม่น้อยไปกัน ที่ต้องหันหลังให้กับอาชีพที่ตนเองรักไปแบบกะทันหัน ทั้งๆ ที่ร่างกายยังมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ เท่ากับว่าไม่มีฝ่ายใดได้ - เสีย ผลคือ เจ็บทั้งคู่ ยิ่งไปกว่านั้น แฟนมวยชาวไทยก็เสียใจไม่ต่างกัน ที่จะไม่ได้ชม บัวขาว วาดลวดลายแม่ไม้มวยไทยอีกแล้ว จากนี้ ชื่อของ บัวขาว ป.ประมุข ในคราบฮีโร่ของคนไทย เหลือไว้เป็นเพียงความทรงจำที่ดี ที่ติดตาตรึงใจ เท่านั้น...
