ค้นชีวิต น้าเน็ก ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย LadyBimbettes

              คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ "น้าเน็ก" หรือ "เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา" พิธีกรที่ฮอตฮิตในยุคนี้ ... ฮอตฮิตถึงขนาดรับงานพิธีกร 13 รายการพร้อม ๆ กัน นี่ขนาดยังไม่รวมงานอีเว้นท์ หรืองานจัดรายการวิทยุนะเนี่ย! ถือได้ว่า น้าเน็ก เป็นพิธีกรที่ผู้จัดคนไหน ๆ ก็อยากจะจ้าง เนื่องจากเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยน้าเน็กได้ตั้งสโลแกนให้กับตัวเองเพื่อเป็นจุดขายว่า "ใส่สูท หัวสี มีหนวด" ถึงแม้ว่า ก่อนหน้านี้ น้าเน็ก จะออกมาประกาศขอพักวงการชั่วคราว และทยอยเคลียร์งานที่ทำทั้งหมด จนเหลือเพียงไม่กี่งานในขณะนี้ แต่บรรดาผู้จัดต่าง ๆ ก็อยากให้น้าเน็กกลับมาเป็นพิธีกรให้ดังเดิม

             เส้นทางความสำเร็จของ น้าเน็ก ... เขาบอกอย่างชัดเจนเลยว่า ทุกอย่างที่เขาได้มา ไม่ได้ใช้โชคช่วย ไม่มีเรื่องโชคชะตามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ทุกสิ่งที่เป็นไปนั้น เกิดจากการวางแผนของเขาเองทั้งหมด และในรายการคนค้นฅน เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ขออาสาพาเพื่อน ๆ ทั้งหลายไปค้นความคิดตามแบบฉบับน้าเน็กกัน ... ไปดูกันซิว่า น้าเน็ก ได้วางแผนในการใช้ชีวิตอย่างไร


             เริ่มต้นรายการด้วยการซักถามถึงการประกาศพักงานพิธีกรของน้าเน็ก และถามว่า น้าเน็กเบื่อที่จะต้องตอบคำถามนี้หรือยัง โดยน้าเน็กได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตนไม่เคยเบื่อที่จะต้องอธิบายในเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ บางคนอธิบายไปแล้วเขาก็ยังไม่เข้าใจก็มี ตนไม่ได้บอกว่าจะลาออกจากวงการบันเทิง หรือไม่ทำงานในวงการแล้ว แต่ตนขอพัก ไม่ใช่เพราะว่าตนเหนื่อย แต่การเป็นพิธีกรมันต้องมีข้อมูลอะไรใหม่ ๆ ป้อนอยู่เสมอ ที่ตนขอพักนั้น ก็เพื่อจะหยุด ... หยุดพักเตรียมทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง ไม่เช่นนั้นตนคงยืนอยู่ในวงนี้ได้ไม่ยืนยาว

            เมื่อถามถึงงานพิธีกรในช่วงก่อนที่จะพักงาน น้าเน็ก กล่าวว่า งานมีทุกวันยืนพื้นเลยก็ต้องมีวันละ 2-3 งาน โดยจะแบ่งเป็นอัดรายการ งานอีเว้นท์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนเคยรับงานในช่วงเดียวกันถึง 13 งาน ทุกคนเห็นหน้าตนทุกวัน ทุกช่อง กระจายหลายช่วงเวลา ลามไปถึงช่องเคเบิ้ลทีวีด้วย เรียกได้ว่า เน็กรายวัน กันเลยทีเดียว


             ตลอดระยะเวลาในวงการบันเทิงที่ผ่านมา น้าเน็ก เล่าว่า ตนเป็นคนเบื้องหลังทำงานเกี่ยวกับโปรโมเตอร์อยู่ตลอดเวลา แต่พอวันหนึ่งได้จับงานเบื้องหน้า ตนก็รู้สึกชอบ เลยพยายามสร้างคาแรกเตอร์ที่แตกต่างออกมา มีสไตล์ที่เฉพาะตัว เพราะความแตกต่างเป็นที่จดจำอยู่แล้ว และจะต้องไม่เหมือนใคร ส่วนงานที่ผู้จ้างมักจะจ้างตนนั้น จะเป็นงานค่อนข้างสนุกสนาน หวือหวา มีการพูดคุยกับคนดู เป็นรายการสด ที่ต้องมีการครีเอทีฟ และแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

             ทั้งนี้ พิธีกรรายการคนค้นฅนแอบกระซิบถามถึงรายได้ของน้าเน็กในช่วงฮอต ๆ ว่า มีรายได้ต่อเดือนประมาณเท่าไร ด้าน น้าเน็ก ตอบว่า ประมาณ 2 ล้านบาท แต่เงินก็ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเขา น้าเน็ก เล่าต่อว่า เขาโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย มีเงินทองใช้สอยได้เต็มที่ แต่สิ่งที่เขาเห็นในช่วงวัยเด็กของเขา คือ พ่อแม่ของเขาต้องทำงานหนักเพื่อให้ได้เงินจำนวนมาก เขาไม่เคยเห็นพ่อแม่คุยกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงาน ทำงานกันอย่างหนัก ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า กลับมาก็มืดค่ำ เป็นอย่างนี้ประจำ เลยทำให้เขาตั้งเป้าหมายเอาไว้ตั้งแต่ตอนวัยรุ่นว่า เขาจะทำงานเพื่อเพียงหาเลี้ยงตัวเองให้พออยู่ได้ และขอทำในสิ่งที่ชอบเท่านั้น

             น้าเน็ก กล่าวต่อว่า งานแรกที่ตนเลือกทำตอนนั้น ไม่ได้คำนึงถึงรายได้เลย แต่อยากทำเพราะต้องการที่จะพบปะพูดคุยกับคนอื่น ๆ ... ซึ่งงานแรกของตนนั้นก็คือการเดินแจกใบปลิว เป็นงานที่ดูเหมือนเหนื่อย และเมื่อย แต่ตนก็ได้สิ่งดี ๆ อะไรกลับไป เช่น พื้นฐานเข้าสังคม ฝึกทักษะการพูด การชักจูงผู้คนเป็นต้น ซึ่งเมื่อเราทำทุกวัน ๆ ประสบการณ์ก็เริ่มพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ และทักษะมันก็จะสะสมในตัวเราอย่างไม่รู้ตัว


             งานอีกอย่างหนึ่ง ที่นอกเหนือจากพิธีกรแล้ว น้าเน็ก ยังชื่นชอบการจัดรายการวิทยุ โดยน้าเน็กบอกว่า เขาชอบพูดคุยสื่อสารกับวัยรุ่น ทำให้ได้แง่คิด มุมมองอะไรที่แตกต่างออกไป อีกทั้งการเป็นดีเจ เป็นงานที่สบาย ๆ มีความสุขเมื่อได้ทำ ซึ่งเขามักยึดความสุข ความชอบ และความสนุกของตนเองเป็นที่ตั้ง แต่มันก็ไม่ใช่ว่า ทุกความชอบ มันจะใช่เสมอไปก็ได้

             ต่อกันด้วยงานเบื้องหน้าอย่างพิธีกร ใครเลยจะรู้ว่า สโลแกน "ใส่สูท หัวสี มีหนวด" เป็นคาแรกเตอร์ที่เขาวางเอาไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อให้คนได้จดจำเขาโดยง่าย บ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจะเป็นเพียงแค่หีบห่อร่างกายเท่านั้น แต่มันก็สะท้อนตัวตนออกมา เพราะทุกวันนี้คนเรามักจะคนที่ภายนอกในแว้บแรกที่เห็น


             นอกจากนี้ น้าเน็ก ยังกล่าวว่า ตนยอมรับว่ามีวัยรุ่นที่อยากจะเหมือนตนมากมาย บางครั้งเดินมาถามว่า ซื้อแว่นที่ไหน ทำผมร้านไหน แต่งตัวอย่างไร ทั้งนี้ ตนอยากจะบอกน้อง ๆ ทุกคนว่า ถ้าอยากเหมือนตนต้องแตกต่างจากตน และต้องมีวิธีคิดที่ต่างจากตน ส่วนเสื้อผ้าทรงผมภายนอกมันเป็นเพียงแค่แฟชั่นเท่านั้น อยากให้แตกต่างตามสไตล์ของน้อง ๆ เองมากกว่า

             เสร็จจากงานพิธีกรรายวันแล้ว บางวันน้าเน็กยังต้องเข้าออฟฟิศ ซึ่งเขาได้เปิดออฟฟิศเล็ก ๆ เพื่อทำงานเบื้องหลังในสิ่งที่เขาชอบ เมื่อมองเผิน ๆ ไปแล้ว ดูเหมือนว่า น้าเน็กจะทำงานเกินแรงเกินกำลังที่มี แต่น้าเน็กกล่าวว่า การทำงานของตนก็เปรียบเสมือนการเล่นกีฬา ยกตัวอย่างเช่น กีฬากอล์ฟ ท่ามกลางแดดร้อนระอุ แต่ทำไมคนมากมาย ถึงต้องเดินกลางสนาม เพื่อไปตีลูกกอล์ฟ ซึ่งในการตีให้ลงหลุมแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยจังหวะ และเทคนิคหลาย ๆ อย่าง แต่คนมากมายก็เลือกที่เล่นมัน นั่นก็เป็นเพราะเขาชอบ และเขามีความสุขที่ได้เล่น ต่อให้เขาเหนื่อยมากแค่ไหนมันก็คุ้ม ซึ่งความสุขแบบนี้ ตนเรียกมันว่า ความสุขแบบฉับพลัน แต่ถ้าลองให้เขาเดินไปซื้อของหน้าปากซอย เชื่อไหม ว่า100 เมตร ก็ต้องบ่นเหนื่อย บ่นร้อนกันแล้ว (หัวเราะ)
 

              เมื่อพิธีกรถามถึงการได้รับรางวัลพิธีกรยอดเยี่ยมแห่งปี จากไนน์เอ็นเตอร์เทน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า น้าเน็ก รู้สึกอย่างไร ด้าน น้าเน็ก บอกว่า ตนไม่ถ่อมตัว เพราะรางวัลนี้มันก็แลกมากับอะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งตนคิดว่าตนก็เหมาะสมที่จะได้มา ตนเป็นคนจริงจัง และทำงานเต็มที่กับชีวิตเสมอ ตนสู้มาตลอด วางแผนทุก ๆ อย่าง เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ ... ทุกสิ่งทุกอย่างของตนในวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคชะตา แต่เกิดขึ้นเพราะการวางแผน ตนมีแผนเอ แผนบี แผนซี รองรับตลอดเวลาเสมอ แต่ถ้าบางเรื่องมันอยากที่จะควบคุม ตนก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร แต่ได้ทำในสิ่งที่มีความสุข มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว...