เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
โรงเรียนอนุบาลเป็นแหล่งปลูกฝังการเรียนรู้ปฐมวัยให้กับคุณหนูตัวน้อยทั้งหลาย อย่างน้อยก็เพื่อให้มีทักษะการใช้แบบเด็ก ๆ ได้ในเบื้องต้น รวมทั้งส่งเสริมให้กล้าคิดกล้าทำกล้าแสดงออก แต่ไม่รู้ว่าจะมีโรงเรียนอนุบาลแห่งไหน เหมือนกับโรงเรียนอนุบาลบางแห่งในอังกฤษหรือไม่ ที่บางโรงเรียนส่งเสริมให้เด็ก ๆ ที่มีพฤติกรรมโอนเอนไปทางเพศตรงข้ามกล้าคิดกล้าแสดงออก สามารถแสดงออกซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างเปิดเผยไม่ต้องอายสายตาใคร ๆ ไม่ว่าจะจากเพื่อนหรือคุณครูในโรงเรียน
เว็บไซต์เดลิเมลรายงานว่า สำนักงานเพื่อมาตรฐานการศึกษา งานบริการเยาวชน และทักษะของอังกฤษ หรือ ออฟสเต็ด (Office for Standards in Education, Children's Services and Skills: Ofsted) ได้กล่าวชมเชยโรงเรียนแห่งหนึ่งในอังกฤษว่า พวกเขาตัดสินใจได้อย่างดีเยี่ยมที่อนญาตให้เด็กกลุ่มนี้สามารถแสดงออกอย่างที่ตัวเองต้องการได้ ทั้งนี้หน่วยงานนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องเด็กที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศเป็นพิเศษ
โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ให้การดูแลเด็กอายุ 3-7 ขวบ ได้เปิดเสรีให้เด็ก ๆ ในโรงเรียนแสดงออกอย่างเต็มที่ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ เด็กผู้ชายสามารถแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้ ขณะที่เด็กผู้หญิงก็สามารถแต่งตัวในชุดของเด็กผู้ชายได้
นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กนักเรียนเกินหนึ่งในสี่ของห้องเรียนชั้นเตรียมประถมของโรงเรียนแห่งนี้ เป็นเด็กที่มีผู้ปกครองหรือญาติใกล้ชิดที่มีรสนิยมรักเพศเดียวกัน และเหล่าผู้ปกครองยังได้รวมกลุ่มกันเป็นสมาคมสำหรับผู้ปกครองที่มีคู่รักเป็นเพศเดียวกันจากโรงเรียนอื่น ๆ อีกด้วย
ส่วนโรงเรียนอีกแห่งที่มีลักษณะการเปิดเสรีคล้ายกัน คือโรงเรียนที่รับดูแลเด็กตั้งแต่อนุบาลจนถึงอายุ 11 ปี ที่อนุญาตให้เด็กผู้ชายสามารถเลือกเครื่องแต่งกายจากกระบะเสื้อผ้าสำหรับเล่นแต่งตัวได้ตามใจ เขาสามารถมัดผมผูกโบว์ ใส่กระโปรงบานฟูฟ่องอยู่ที่โรงเรียนได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่มีสายตาแปลก ๆ มองมาจากเด็กคนอื่น ๆ และสามารถเลือกจะเป็นเชียร์ลีดเดอร์แทนเล่นกีฬาก็ได้ ในขณะที่เด็กผู้หญิงก็สามารถแต่งตัวเป็นเด็กชาย และออกไปวิ่งเล่นเตะฟุตบอลแทนการนั่งเล่นตุ๊กตาได้หากเธอต้องการ
ออฟเสต็ดให้การชื่นชมแก่โรงเรียนเหล่านี้เป็นอันมาก เนื่องจากเปิดโอกาสให้เด็กแสดงออกได้อย่างเสรี ไม่ทำให้เด็กมองคนที่ไม่เหมือนกับตัวเองว่าแตกต่าง ไม่มีการแบ่งแยก อันจะช่วยลดปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียนได้เป็นอย่างดี ซึ่งนี่เป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่งแก้ไขได้ยากที่ยังคงแฝงอยู่ในโรงเรียนทุก ๆ แห่งด้วย
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเช่นนี้ของโรงเรียนย่อมหนีไม่พ้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่า เด็กยังไม่เติบโตมากพอที่จะตระหนักรู้ใรเรื่องความเป็นตัวตน หรือมีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะตัดสินใจได้ว่า ตัวเองนั้นต้องการเป็นเพศตรงข้ามกับที่ตนเป็นอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งจากผลการศึกษาชิ้นหนึ่งก็พบว่า เด็กที่เคยคิดว่าตัวเองเกิดมาผิดเพศส่วนใหญ่จะเปลี่ยนใจเมื่อตัวเองได้ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งก็ไม่อาจรู้ได้แน่ว่าการที่โรงเรียนส่งเสริมให้เด็กที่มีพฤติกรรมโอนเอนทางเพศสามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่ตั้งแต่อายุยังน้อยนั้น จะเป็นการส่งเสริมที่ดีแล้ว และจะแก้ปัญหาการกลั่นแกล้ง แบ่งแยกเพศในโรงเรียนได้เหมาะสมจริงหรือเปล่า
