เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
อดีต รมว.คลัง แนะรัฐลดรายจ่าย ตัดโครงการไม่จำเป็นทิ้ง รับมือวิกฤติหนี้ยุโรป เชื่ออนาคตเป็นปัญหารุนแรง กระทบไทยแน่
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมากล่าวแนะนำรัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤติการณ์ยูโร ที่กำลังเป็นปัญหาเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในโซนยุโรป ว่า รัฐบาลควรเตรียมกระสุน หรืองบประมาณไว้ให้มากพอที่จะรับมือกับวิกฤติการณ์ยูโรที่เกิดขึ้น โดยตัดโครงการที่ไม่จำเป็นออกไป และใช้มาตรการ "หดแผนรายจ่าย" เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังใช้จ่ายเกินตัว หากไม่ระวัง หนี้สาธารณะที่ปัจจุบันประมาณ 40% ต่อจีดีพี ก็อาจจะกระโดดเพิ่มขึ้นได้ และจะทำให้สัดส่วนหนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่สถาบันการเงินไทยเองก็ต้องกันสำรองในธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกับสถาบันการเงินยุโรปด้วย
นายธีระชัย ยังมองว่า ปัญหายูโรโซนจะส่งผลกระทบรุนแรงมากในอนาคต เพราะจุดเริ่มต้นมาจากการที่ภาครัฐในยุโรปใช้จ่ายเงินเกินตัวในการเดินหน้านโยบายประชานิยม ทำให้เกิดหนี้สาธารณะในอัตราที่สูง แล้วขยายเข้ามาในระบบธนาคารจนพัวพันกันไปหมด อีกทั้งปัจจุบันรัฐบาลหลายประเทศก็ถือครองพันธบัตรของธนาคารยุโรป ดังนั้น ภาคธุรกิจจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือไว้ เพื่อรับมือความผันผวนที่จะเกิดขึ้น แม้ว่าไทยจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่น่าจะได้รับผลกระทบทางอ้อมแน่นอน เพราะคู่ค้าหลักของไทยในเอเชียมีตลาดหลักในยุโรป ดังนั้น ไทยคงโดนหางเลขไปด้วย
อย่างไรก็ตาม อดีต รมว.คลัง วิเคราะห์ว่า ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปต่างจากวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เมื่อปี พ.ศ.2540 ของประเทศไทย ที่แม้ไทยจะเผชิญปัญหาฟองสบู่เหมือนกัน แต่ในช่วงเวลานั้น ไทยไม่มีปัญหาในภาคหนี้รัฐ ดังนั้น ปัญหายูโรโซนที่เกิดขึ้นขณะนี้จึงหนักกว่าของไทยมาก เพราะมีทั้งปัญหาธนาคารและหนี้ภาครัฐ
ส่วนเรื่องที่รัฐบาลมีแนวคิดจะตั้งกองทุนพยุงหุ้น และออกมาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น นายธีระชัย ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า เป็นการนำเงินภาษีของประชาชนไปเสี่ยง ส่วนการไหลเข้า-ออกของเงิน ประเทศไทยควรบริหารจัดการเรื่องของความเชื่อมั่น ความมีเสถียรภาพการเมืองมากกว่า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก