x close

เปิดใจผู้กองฝ้าย กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน



เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน


          ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และไม่มีทีท่าว่าเรื่องราวนี้จะจบลงได้เสียที...ในทุก ๆ วันยังมีระเบิดเกิดขึ้น เป็นข่าวบ้าง ไม่เป็นข่าวบ้าง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยความหวาดผวา เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรเหตุการณ์ร้าย ๆ จะสงบลง...ทั้งนี้ มีหน่วยงานหน่วยหนึ่งที่ยื่นมือ และลงพื้นที่เข้าไปช่วยสอดส่องดูแลความเป็นอยู่ให้กับประชาชน โดยมีชื่อเรียกว่า "หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารบก" หรืออีโอดี ซึ่งพวกเขามีหน้าที่... "เสี่ยงตาย" เพื่อตามหา และเก็บกู้ระเบิด เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

          และในค่ำคืนวานนี้ (3 กรกฎาคม) ทางรายการตีสิบ ก็ได้นำเรื่องราวภารกิจกอบกู้ระเบิดของหน่วยอีโอดี มาเปิดเผยให้ประชาชนได้ฟังว่า.. ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเขา เต็มไปด้วยอุดมการณ์ และความภาคภูมิใจอย่างสุดกำลัง ไม่ว่าจะต้องเสี่ยงตายขนาดไหน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอวัยวะส่วนใด หรือว่าแลกด้วยชีวิตทั้งชีวิต แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ของทหารหาญเพื่อปกป้องประชาชน 

          ย้อนกลับไปเมื่อ 1 ปีที่แล้วพอดิบพอดี... ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 คืนนั้นเป็นคืนที่ "ผู้กองฝ้าย" หรือ ร.อ.ชาล์ ศิริวรรณยา ลงพื้นที่เพื่อเก็บกู้ระเบิดที่ จ.ปัตตานี ซึ่งในวันนั้นนี่เอง เพียงแค่เสี้ยววินาที เขาก็เกือบต้องสังเวยชีวิตให้กับมัจจุราช และถึงแม้ว่าเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่เขาก็ต้องแลกกับอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกาย นั่นก็คือ "ขาข้างซ้าย"... 

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

          โดยผู้กองฝ้าย เล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังว่า... ตอนนั้นตนเป็นหัวหน้าชุดต้องไปกู้ระเบิดในพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยใช้เครื่องมือตรวจโลหะ ค่อย ๆ เดินที่ละนิ้ว ก้าวทีละก้าวเข้าไป กับพลทหารจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็พบระเบิดใกล้กับเสาไฟฟ้าหนึ่งลูก และจากการคาดการณ์ในเบื้องต้น ตนเชื่อว่าจะต้องมีระเบิดมากกว่า 1 ลูกอย่างแน่นอน เพราะเป็นยุทธวิธีของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าโจรวางระเบิดตรงที่หนึ่ง เมื่อระเบิดทำงานขึ้น และมีคนถูกระเบิดบาดเจ็บ และแน่นอนว่าจะต้องมีคนเข้ามาช่วยผู้บาดเจ็บ ซึ่งโจรก็จะใช้แผนฝังระเบิดในบริเวณที่ใกล้เคียงกับระเบิดลูกแรกเอาไว้... 

          ผู้กองฝ้าย เล่าต่อว่า พอเจอระเบิดลูกแรกแล้ว ด้วยความชะล่าใจ ประกอบกับใช้เวลาตรวจเป็นเวลานาน จึงไม่ทันระวังตัวเท่าที่ควร กล่าวคือ ในการตรวจระเบิดแต่ละครั้ง ต้องเดินกันแบบก้าวต่อก้าว ต้องเหยียบรอยเท้าคนข้างหน้า ซึ่งเป็นคนที่ใช้เครื่องมือตรวจจับโลหะนำทาง แต่ในวันนั้น ตนก็ก้าวตามคนที่นำหน้าตน แต่อาจจะเหยียบเคลื่อนไปบ้าง ซึ่งจากการคาดการณ์ก็ราว ๆ 3 เซนติเมตร จึงทำให้ระเบิดทำงาน เฉียดเข้าไปที่ขาซ้ายของตน 

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

          "ระยะทางตรงนั้นห่างจากระเบิดจุดแรกเพียง 70-80 เซนติเมตร เท่านั้น แล้ววินาทีนั้น ผมรู้สึกเหมือนเสียงประทัดสามเหลี่ยมที่เล่นตอนเด็ก ๆ มันดังขึ้น แต่ผมก็ล้มลงไปข้างหน้า ตอนนั้นยังคิดว่ามีคนโยนระเบิดอะไรใส่ แต่สักพักก็เริ่มรู้สึกร้อนที่เท้าซ้าย ร้อนคล้าย ๆ เหยียบกับแผ่นเหล็กร้อน ๆ ผมจึงเอี้ยวตัวกลับไปดู จึงเห็นว่าข้อเท้าซ้ายของผมกำลังร่องแร่ง" ผู้กองฝ้าย กล่าว 

          ผู้กองฝ้าย กล่าวต่อว่า ทันทีที่เห็นว่าเท้าซ้ายของตนมันจะหลุดออกจากขา ตนรู้สึกตกใจเพียงแต่ 1-2 นาที เท่านั้น และก็มาคิดต่อว่า พ่อแม่จะโกรธไหม ที่ตนได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ เพราะการที่ตนมาเป็นทหารกอบกู้ระเบิด พ่อแม่ของตนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว อีกทั้งแม่ยังป่วยหนักเป็นมะเร็งเต้านม ตนก็ไม่อยากให้เขาต้องมาเสียใจที่ตนโดนระเบิด... ส่วนเรื่องที่ตนต้องเสียข้อเท้า ตนไม่ได้นึกถึงเลย เพราะหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของหมอ ถึงตนจะกังวลขนาดไหนก็ไม่ได้ทำให้แผลมันหายเร็วขึ้น 

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

          ส่วนทางด้าน รองเปิ้ล หรือ พ.อ.กฤตภาส เครือเนตร รอง ผอ.หน่วย กล่าวว่า เมื่อได้รับแจ้งว่าผู้กองฝ้ายโดนระเบิด ก็ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับ และเมื่อไปถึงโรงพยาบาล เปิดผ้าพันแผลออกเลือดผู้กองฝ้ายก็ไหลทะลักมาเป็นก้อนเลย ส่วนเจ้าตัวก็ร้องโอดโอยลั่นโรงพยาบาล 

          ด้าน ผู้กองฝ้าย กล่าวแก้ตัวแบบอารมณ์ดีว่า ตอนที่เข้าไปรักษาตัว พยาบาลคงจะคิดว่าตนอาจจะข้อเท้าแพลง หรือประสบอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา เพราะมาถึงตอนแรกเขาจับตรงส้นเท้าของตนที่กำลังร่องแรง ตนก็ต้องร้อง พอตนบอกว่าโดนระเบิด เขาก็ขยับ และจับใหม่ (หัวเราะ) 

          จากการตรวจของแพทย์ระบุว่า ผู้กองฝ้ายจะต้องตัดขาซ้ายทิ้ง ทั้งแต่หัวเข่าลงมา ซึ่งผู้กองฝ้ายได้ยินดังนั้น ก็บอกให้ตัดเลยจะได้ไม่ปวด แต่ทางรองเปิ้ลกลับต่อรองให้แพทย์ตัดเพียงแค่ข้อเท้า เพราะการตัดขาตั้งแต่หัวเข่า กับการตัดแค่ข้อเท้า การใช้ชีวิตค่อนข้างต่างกันมาก ซึ่งหมอก็ยอมตัดเพียงแค่ข้อเท้า แต่ทั้งนี้ ขาผู้กองฝ้ายติดเชื้ออย่างหนัก จึงทำให้ต้องตัดขาถึง 5 ครั้ง จนตอนนี้เหลือขายาวลงมาถึงครึ่งหน้าแข้งเท่านั้น 

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

           "ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เสียใจไหม ผมไม่เสียใจนะ แต่ตกใจมากกว่า ซึ่งพอรู้ว่าต้องตัดเท้าก็ทำใจให้สบาย อย่างน้อยเราก็ยังเหลือเท้าอีกข้าง และทางกองทัพก็คงดูแลเรา ทำให้ผมอุ่นใจไม่ทุกข์อะไรมาก ถ้าคิดในแง่ดีก็คิดเสียว่า ก็ดีต่อไปก็จะได้ไม่ต้องตัดเล็บเท้าซ้ายแล้ว (หัวเราะ) แต่จริง ๆ แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นการฝึกความอดทนไปด้วยในตัว การบาดเจ็บในครั้งนี้ มันเป็นความภาคภูมิใจของผม ที่ได้ทำชื่อเสียงให้หน่วย และทำให้ทุกคนรับรู้ว่า ร้อยเอกก็ลงพื้นที่ ไม่ใช่ปฎิบัติหน้าที่กันแค่นายสิบ หรือพลทหารเท่านั้น ซึ่งผมมีตัวอย่างจาก รองเปิ้ล และ ผบ.ต่าย ที่เขามียศเป็นพันโท พันเอก แต่ก็มาอยู่กินกับลูกน้อง มาลงพื้นที่ด้วยกันตลอด" ผู้กองฝ้าย กล่าว 

          ส่วนการบอกเหตุการณ์นี้ให้แม่รับรู้นั้น ผู้กองฝ้าย กล่าวว่า ตนประสบเหตุเมื่อวันที่ 4 แต่แม่เพิ่งมารู้เมื่อวันที่ 6 ตอนแรกก็ไม่มีใครกล้าบอก ทุกคนเกี่ยงกันหมด จนทุกคนตัดสินใจว่า ให้พ่อไปบอกดีกว่า และให้เดินทางไปบอกด้วยตัวเอง ซึ่งตอนนั้นพ่อของตนทำงานอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ต้องขับรถไปหาแม่ที่ จ.หนองคาย เพราะกลัวว่าบอกทางโทรศัพท์แล้วแม่จะเป็นลมล้มไป แต่ทั้งนี้ ก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ เมื่อพ่อบอกแม่ปุ๊บ แม่ก็ล้มพับลงไปเลย 

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

          ผู้กองฝ้าย เล่าต่อว่า ตอนนั้นแม่โทรมาหา ซึ่งตนฟังไม่รู้เรื่องว่าแม่พูดอะไร เพราะมีแต่เสียงร้องไห้ตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาก็ภูมิใจในตัวลูก เพราะลูกได้ทำตามฝันที่ต้องการ 

          อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นระเบิดลูกเล็ก ๆ แต่ถ้าหากใส่รองเท้ากันระเบิด ผู้กองฝ้าย ก็จะไม่ต้องสูญเสียขาข้างซ้าย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผบ.ต่าย หรือ พ.อ.ทวีศักดิ์ จันทราสินธุ์ หัวหน้าหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด ชุดเฉพาะกิจอโณทัย จ.ปัตตานี กล่าวว่า ความจริงเรามีรองเท้ากันระเบิด แต่มีเพียงคู่เดียวในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลเยอรมันได้มอบให้กับตน ทั้งนี้ รองเท้ากันระเบิด กับรองเท้าคอมแบท หน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่วัสดุในการทำนั้น รองเท้ากันระเบิดใช้โพลีคาร์บอเนตจำนวน 12 ชั้น ทำเป็นพื้นด้านล่าง ส่วนด้านข้างและรอบ ๆ มี 6 ชั้น ทั้งนี้ เมื่อทำการทดสอบเหยียบระเบิด บริเวณส้นของรองเท้าจะฉีกออก แต่ภายในรองเท้าจะไม่เป็นอะไรเลย ซึ่งตอนนั้นเขาถามตนว่า ตนใส่รองเท้าเบอร์อะไร พอดีมันเป็นเบอร์เดียวกับคู่นี้ ทางรัฐบาลจึงมอบให้กับตน 

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

          ผบ.ต่าย กล่าวต่อว่า ใครจะคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ตนได้สั่งซื้อรองเท้าแบบนี้ เบอร์ละ 4-5 คู่ แต่ก็ยังไม่ได้ ส่วนชุดกอบกู้ระเบิดดังกล่าว ทางหน่วยกอบกู้มีทั้งหมด 11 ชุด ชุดละ 2 ล้านบาท ถึงแม้ว่าราคาจะสูง แต่ถ้าคิดตามจำนวนการใช้งานนั้น มันมีราคาอยู่ที่ครั้งละ 1 พันกว่าบาท สำหรับการป้องกันชีวิตของกำลังพลของเรา 

          ทางด้านพิธีกร ยังถามต่อว่า เรื่องราวชีวิตของทหารหน่วยนี้ ค่อนข้างน่าเห็นใจ เพราะเป็นหน่วยที่ต้องเสี่ยงชีวิตที่สุด ทางด้าน รองเปิ้ล กล่าวว่า ตอนที่ตนบอกแม่เรื่องที่จะลงมาทำงานในชุดกอบกู้ระเบิดใน 3 จังหวัดภาคใต้ แม่ก็ไม่พอใจ และบอกว่า พ่อก็เสียไปเพราะโดนระเบิด แล้วลูกยังต้องมาเป็นทหารในชุดนี้อีก แต่ทั้งนี้ตนคิดว่า ในเมื่อตนตัดสินใจเดินทางเส้นนี้แล้ว ตนก็จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และดูแลลูกน้องของเราเป็นอย่างดี 

          ส่วนชีวิตความรักของทหารหน่วยกอบกู้ระเบิดนั้น รองเปิ้ล กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีเรื่องราวชีวิตจริงจากคลับฟรายเดย์ โดยมีผู้หญิงโทรมาบอกว่า ผู้ชายต้องบอกเลิก เนื่องจากต้องทำงานเป็นทหารกอบกู้ระเบิด และได้ทำเป็นเพลงชื่อว่า "หยุดบอกเลิกกันเสียที" ของศิลปิน นิวจิ๋ว ซึ่งทางแกรมมี่ ได้ติดต่อทางหน่วยให้อำนวยความสะดวกในเรื่องข้อมูล สำหรับการถ่ายทำมิวสิควิดีโอ เพื่อให้ถ่ายทอดออกมาให้สมจริงสุด ๆ ทั้งนี้ ภายในมิวสิคยังได้มีคลิปเหตุการณ์ที่ผู้กองฝ้ายถูกระเบิดแทรกเข้าไปด้วย 

เปิดใจทหารหาญ กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน

          รองเปิ้ล ยังกล่าวต่อว่า สำหรับชีวิตรัก ๆ ของคนในหน่วยนี้ ก็มีเรื่องจุดใต้ตำตอเกิดขึ้น เมื่อพลหารในหน่วยเกิดเหงา เลยไปคุยกับหญิงสาวผ่านอินเทอร์เน็ต แชทกันไปแชทกันมา ก็อยากจะเห็นหน้าค่าตา พอบอกให้หญิงสาวส่งรูปมาให้ ก็ต้องตกใจ เพราะผู้หญิงในรูปนั้นก็คือแฟนของพลทหารคนนั้นเอง ทั้งนี้ ตนก็เข้าใจว่า ต่างฝ่ายต่างเหงา ซึ่งขณะนี้ พลทหารคนนั้นก็ได้ปลดประจำการไปอยู่กับแฟนของเขาแล้ว 

          นอกจากนี้ พิธีกรยังถามถึงเรื่องค่าตอบแทนว่า รายได้ของทหารกองนี้ สมน้ำสมเนื้อกับความเสี่ยงมากมายขนาดไหน โดย ผบ.ต่าย กล่าวว่า ทหารทุกคนก็ได้รับเงินตามมาตรฐานทั่วไป และจะได้เงินจากการเสี่ยงตายนอกเหนือจากเงินเดือน เดือนละ 10,000 บาท ถ้ายศน้อยหน่อยก็จะได้ 7,000 บาท แต่ทั้งนี้ เมื่อคำนวณตามภารกิจแล้ว จะตกภารกิจละประมาณ 200 บาท ซึ่งน้อยกว่าค่าครองชีพขั้นต้นอีก แต่อย่างไรก็ดี ทางทหารทุกคนก็ไม่มีใครเรียกร้องอะไร เพราะเมื่อตัดสินใจก้าวเข้ามาในหน่วยกอบกู้ระเบิด ก็แปลว่ายอมรับทุกข้อตกลงที่จะเกิดขึ้น  

          สุดท้ายนี้ ทาง ผบ.ต่าย ได้ฝากวิธีการดูสิ่งต้องสงสัย ที่เกรงว่าจะเป็นระเบิดนั้น ว่ามีวิธีสังเกตอย่างไร และควรปฏิบัติตัวอย่างไร โดย ผบ.ต่าย กล่าวว่า การดูระเบิดนั้นในตำรามีเยอะมาก แต่ขอหยิบยกวิธีที่จำง่าย ๆ มาฝากกัน คือ... ไม่เคยเห็น , ไม่เป็นของใคร, ไม่ใช่ที่อยู่, ดูไม่เรียบร้อย ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น สมมติว่า ถ้ามีกระถางต้นไม้มาวางที่บ้าน เราต้องถามคนในบ้านก่อนว่าเป็นของใคร และถ้าไม่มีใครเป็นเจ้าของ ก็ต้องดูว่า มันวางอยู่ในตำแหน่งที่ควรอยู่หรือไม่ สุดท้ายคือดูความเรียบร้อย ว่า ดินในกระถางแห้ง เรียบหรือเปล่า ถ้าดินไม่แห้ง เหมือนเพิ่งมีการขุด ก็ตั้งข้อสงสัยได้เลยว่าอาจจะมีระเบิดซ่อนอยู่ และให้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่รับทราบ 

          "คนทั่วไปวิ่งหนีระเบิด... แต่อาชีพของเราคือเดินเข้าหาระเบิด... และทำลายมันเสีย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน"  






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจผู้กองฝ้าย กับชีวิตที่ต้องเสี่ยงตาย ในการกู้ระเบิดรายวัน โพสต์เมื่อ 4 กรกฎาคม 2555 เวลา 17:22:12 10,972 อ่าน
TOP