นายแทน เทือกสุบรรณ
'แทน'พบDSIรับทราบข้อกล่าวหาคดีเขาแพง (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
"แทน เทือกสุบรรณ" พบ ดีเอสไอ คดีเขาแพงแล้ว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ยัน บริสุทธิ์ เตรียมให้ข้อมูลเพิ่ม แต่ต้องหลังแต่งงาน
นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา กรณีแผ้วถาง เผาป่า ครอบครองป่าที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย บริเวณเขาแพง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยทันทีที่มา ทนายความของ นายแทน ได้กล่าวต่อพนักงานสอบสวนว่า ในวันนี้ นายแทน จะรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่เป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งได้จัดเตรียมมาแล้ว พร้อมกับจะมีการนำเอกสารแสดงสิทธิ์ครอบครองที่ดิน 5 แปลงที่เกาะสมุยอย่างถูกต้องตามกฎหมายยื่นต่อเจ้าหน้าที่ด้วย แต่หากเจ้าหน้าที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอีก ก็จะขอเข้าพบเจ้าหน้าที่ในภายหลัง ซึ่งขอรอให้เสร็จสิ้นงานมงคลสมรสของนายแทนก่อน
ขณะที่ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผย ระหว่างดำเนินการสอบสวน นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชาย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ว่า การเชิญ นายแทน มาในวันนี้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา การบุกรุกที่ดิน เขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ปี 2484 พร้อมกับทางพนักงานสอบสวนได้มีการซักถามในข้อสงสัยต่าง ๆ อาทิ ประเด็นการซื้อขายที่ดิน การสร้างอ่างเก็บน้ำ และการสร้างถนนตัดเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งบางประเด็น นายแทน ก็สามารถชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนได้ในทันที แต่บางประเด็นนั้น ได้ขอกลับไปทำคำชี้แจงก่อนจะนำมายื่นอีกครั้ง เนื่องจากว่า นายแทน มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในส่วนของข้อหา โดยเข้าใจว่าดีเอสไอจะแจ้งข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน แต่อันที่จริงแล้วดีเอสไอได้แจ้งข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484
ทั้งนี้นายแทน เทือกสุบรรณ กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาว่า ในวันนี้ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานบุกรุกพื้นที่ป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มิใช่ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวน ที่เข้าใจผิดมาก่อนหน้านี้ นายแทน ระบุว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้รับความชัดเจนในเรื่องข้อกล่าวหาของดีเอสไอ ซึ่งจากนี้ไปจะกลับไปทำคำชี้แจง เพื่อมายื่นต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้ง พร้อมยังได้กล่าวถึงประเด็นข้อสงสัย เรื่องการสร้างถนนตัดเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุด้วยว่า เป็นการสร้างถนนตามแนวเดิมที่มีอยู่แล้ว เพียงแต่มีการเทคอนกรีตเท่านั้น ส่วนเรื่องอ่างเก็บน้ำ นายแทน ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของตน โดยเป็นของพื้นที่ข้างเคียง
ส่วนกรณีข้อสงสัยเกี่ยวกับที่ดินที่เกินออกมาจาก 31 ไร่ นั้น นายแหลมชาติ กล่าวว่า การขอโฉนดที่ดินทั้ง 5 แปลง ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง โดยมีเจ้าหน้าที่รังวัด และเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เป็นผู้จัดทำ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น อาจมีความผิดพลาดในการวัดที่ดิน ที่แต่ละหน่วยงานไม่เท่ากัน จึงต้องขอกลับไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ก่อน พร้อมกับจะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ในส่วนของการซื้อขาย และครอบครองที่ดิน แปลงพิพาท และจัดทำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนนำมายื่นให้กับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีการระบุกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกเมื่อใด
