ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 2 โพสต์โดย คุณ KungkuanjungLoveKing สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ผู้ชมในฮอลล์ของรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 2 ต้องน้ำตาไหลไปตาม ๆ กัน กับการปรากฏตัวของ "ดาวิด คิม" หนุ่มนักดนตรีผู้มุ่งมั่นและมีความฝันที่จะได้พบพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาสักครั้ง หลังจากพวกเขาทอดทิ้ง "ดาวิด คิม" ไปตั้งแต่เด็ก ๆ
ดาวิด คิม หรือ คิม ชายหนุ่มอายุ 26 ปี อาชีพนักดนตรีอิสระ และค้าขาย เขาเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในมูลนิธิแห่งหนึ่ง โดยมีพ่อแม่บุญธรรมชาวเกาหลีเป็นผู้อุปการะ เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อพ่อแม่ที่แท้จริง หรือแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง สิ่งที่เขารู้มีเพียงชื่อ "ดาวิด คิม" ที่พ่อแม่ชาวเกาหลีเป็นผู้ตั้งให้เท่านั้น
ด้วยความปรารถนาที่จะได้พบพ่อแม่ที่แท้จริงสักครั้ง ได้ผลักดันให้ ดาวิด คิม ก้าวขึ้นมาบนเวทีไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 2 พร้อมกับกีตาร์ และความหวังที่เขาเองก็รู้ดีว่า มันคงไม่ได้เป็นจริงได้ง่ายนัก
"ถ้าพ่อแม่ผมได้ฟังอยู่ อยากให้ท่านรู้ว่า ผมยังมีชีวิตอยู่ หวังว่าสักวันเราจะได้เจอกัน ถึงแม้ที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้เลี้ยงผม ผมก็อยากให้เขารู้ว่า ผมไม่ได้โกรธเขาเลย แค่อยากกอด...สักครั้งหนึ่ง" ความตั้งใจของ ดาวิด คิม ที่ทำให้เขาเดินทางมายังเวทีระดับโลกแห่งนี้
เมื่อถามว่า หากเขาชนะจะนำเงินรางวัลไปทำอะไร ดาวิด คิม นิ่งไปพักใหญ่เหมือนกับว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินรางวัลมาก่อน เพราะตั้งใจจะขึ้นมาร้องเพลงให้แม่ที่ไม่เคยพบหน้าฟังเท่านั้น ก่อนจะตอบคำถามนี้ว่า "คงเอาไปใช้สร้างชีวิต"...จากนั้น เสียงกีตาร์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเพลง "เรียงความเรื่องแม่"
เพียงแค่ท่อนแรกที่เขาร้องก็สามารถสะกดอารมณ์ของกรรมการและผู้ชมให้ตรึงอยู่กับหนุ่มนักดนตรีคนนี้ได้อยู่หมัด แต่เมื่อ ดาวิด คิม ร้องไปได้ไม่กี่ท่อน เขาก็ไม่สามารถฝืนร้องต่อไปได้อีก จนต้องหยุดการแสดงลงกลางคัน ทุกอย่างภายในฮอลล์เงียบกริบ แต่ก็ยังได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ จากผู้ชม
ดาวิด คิม พยายามฝืนยิ้ม และบอกว่านี่คือสิ่งที่เขากลัวที่สุด แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็เริ่มดีดกีตาร์และขับกล่อมบทเพลงต่ออีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงสะอื้นมากขึ้นกว่าเดิม แต่ผู้ชมก็ช่วยกันปรบมือให้จังหวะและให้กำลังใจเขา แต่แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ ดาวิด คิม ไม่สามารถร้องเพลงต่อไปได้ เขาทำได้แต่เพียงดีดกีตาร์ไปเรื่อย ๆ เพื่อสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้เศร้าไปมากกว่านี้
จนกระทั่งถึงช่วงหนึ่ง ดาวิด คิม ตัดสินใจดีดกีตาร์เปลี่ยนจังหวะเพลงให้เร็วขึ้น เพื่อไม่ให้เพลงเศร้าเกินไปนัก และขอให้ผู้ชมในฮอลล์ช่วยปรบมือไปกับเพลงของเขาด้วย
"ถ้าแม่ฟังอยู่ ไม่ว่าแม่อยู่ไหน ไม่ว่าแม่เป็นใคร ช่วยส่งรักกลับมา ถ้าแม่ไม่อยู่ คิดถึงหนูหน่อยนะ หนูขอสัญญาว่าหนูจะเป็นเด็กดี ..."
ในที่สุด ดาวิด ก็สามารถร้องเพลงที่ตั้งใจจะถ่ายทอดความในใจทั้งหมดส่งให้แม่จนจบท่อนสุดท้าย ตามมาด้วยเสียงปรบมือให้กำลังใจอย่างล้นหลามจากผู้ชม
เมื่อเสียงปรบมือสิ้นสุดลง กรรมการทั้งสามคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้เสียงร้องของ ดาวิด คิม จะไม่เทียบเท่ากับนักร้องระดับประเทศ แต่บทเพลงที่ ดาวิด คิม ร้องเป็นการถ่ายทอดออกมาจากใจ ซึ่งทุกคนสัมผัสได้ในความไพเราะของบทเพลงนี้ จึงส่งสัญญาณให้ "ผ่าน" ทั้งสามคน พร้อมกับอวยพรให้ความหวังที่จะได้เจอหน้าแม่สักครั้งของเขาเป็นจริงได้ในเร็ววัน
และล่าสุด ดาวิด คิม ก็สามารถเอาชนะใจกรรมการผ่านเข้ารอบ 36 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ใครที่ชอบหนุ่มนักดนตรีคนนี้ ก็ตามให้กำลังใจเขาต่อได้เลย
