x close

ค้นหัวใจบ่าววี ... นักร้องสุภาพบุรุษลูกทัพฟ้า


บ่าววี

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทีวีบูรพา

          เพราะความฮอตฮิตของเพลง "ขอนไม้กับเรือ" ส่งให้ชื่อของนักร้องหนุ่มเลือดสะตอ "บ่าววี" หรือ พันจ่าอากาศเอก วีระยุทธิ์ นานช้า จากทัพฟ้า โด่งดังขึ้นมาในข้ามคืน จากนักร้องในผับ พริบตาเดียวเขาก็กลายเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงแนวเพื่อชีวิตจำนวนมาก แม้แต่วัยรุ่นที่ไม่ค่อยได้ฟังเพลงเพื่อชีวิต ก็ยังรู้จัก "บ่าววี" กับเพลงฮิตของเขา
 
          ในเมื่อ "บ่าววี" เป็นนักร้องที่ทุกคนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รายการคนค้นฅน จึงได้พาทุกคนไปทำความรู้จักกับ "บ่าววี" คนนี้ให้มากขึ้น ซึ่งก็มีมุมมองของชีวิตที่น่าสนใจไม่น้อย...
 
บ่าววี

          หลังจากกลายเป็นคนดัง ตารางเวลาของ "บ่าววี" ก็เปลี่ยนไป แต่ละวันเขาต้องเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เดินสายเล่นคอนเสิร์ตโชว์ตัวตามภาคต่าง ๆ กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตี 1 ตี 2 แล้ว นอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่น เพื่อทำงานต่อ ในแต่ละเดือนเขามีเวลาพักแค่ไม่กี่วันเท่านั้น และอาศัยรถตู้เป็นบ้านแทน
 
          บ่าววี บอกว่า ปกติเขาไม่เลือกรับงาน ยกเว้นจ้างไปแสดงไกลมาก ๆ ก็รับไม่ไหว แต่นอกนั้นเขาไปหมด และที่สำคัญก็คือ หากจ้างเขาไปแค่คนเดียว เขาจะไม่รับ ต้องไปด้วยกันทั้งวง เพราะเขามองว่า เพื่อน ๆ กลุ่มนี้คือเพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายกับเขามาตั้งแต่วันแรก ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะดังหรือไม่ ดังนั้น วันนี้ก็ต้องมีเพื่อนร่วมวงของเขาด้วย ยกเว้นงานการกุศลที่เขายินดีไป

          ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม บ่าววี จึงกลายเป็นที่รักของแฟนเพลงทุกรุ่นทุกวัย เพราะความเป็นกันเองของเขาที่มีให้กับแฟนเพลงนั่นเอง เห็นได้จากเวลาที่บ่าววีไปขึ้นคอนเสิร์ตที่ไหน พ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาจะพากันจูงมือลูก ๆ หลาน ๆ มาจับจองพื้นที่หน้าเวทีตั้งแต่ไก่โห่ เพื่อจะได้ร่วมสนุกพร้อมกับฟังเพลงเพราะ ๆ จากบ่าววี
 
บ่าววี

          แม้ทุกวันนี้ บ่าววี จะอยู่ในฐานะนักร้องขวัญใจประชาชน แต่อีกมุมหนึ่ง เขาก็ต้องทำหน้าที่ของทหารรับใช้ชาติควบคู่ไปด้วย โดยปัจจุบัน "บ่าววี" ประจำการอยู่ที่กองร้อยทหารสารวัตร กองบินที่ 1 กองพลบินที่ 2 อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี และเขาก็มักจะได้รับมอบหมายให้เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และในแต่ละครั้ง เขาจะหมั่นปลูกฝังสิ่งดี ๆ เสมอ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งนี่ก็คือหน้าที่ของเขา และเป็นกิจกรรมที่เขาชอบทำอยู่แล้ว
 
          อีกหนึ่งหน้าที่ซึ่งไม่ได้มีคนจ้าง ไม่ได้มีใครมอบหมายภารกิจให้ แต่บ่าววีเป็นผู้เลือกทำเอง เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ นั่นก็คือ การเดินทางไปให้กำลังใจ "น้องกฤษ" หรือ เด็กชายกฤษณโรจน์ คงผาย อายุ 11 ปี แฟนเพลงตัวน้อยที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย และนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์สุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
 
          เมื่อได้ทราบจากโรงพยาบาลที่ติดต่อมาว่า "น้องกฤษ" อยากเจอบ่าววี บ่าววีก็ไม่รอช้าที่จะเดินทางไปให้กำลังใจน้องกฤษทันที เพราะรู้ว่าน้องป่วยหนัก และอาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน วันแรกที่ได้เจอน้องกฤษ บ่าววีบอกว่า เขาแทบน้ำตาไหล เพราะน้องป่วยหนัก พูดไม่ได้ ทานอะไรก็ไม่ได้ สภาพร่างกายย่ำแย่ แต่เมื่อได้พบเขา น้องกฤษก็ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ หลังจากนั้น น้องก็โทรมาหาทุกวัน บอกว่า ทานข้าวได้แล้วนะ วันนี้จะทานสองจานบ้าง อะไรบ้าง ซึ่งทุก ๆ วันที่น้องโทรศัพท์มา ก็ทำให้ตัวบ่าววีเองรู้สึกดีใจมาก
 
          "คน ๆ หนึ่ง ถ้าเรารู้สึกว่า เราให้ชีวิตเขาได้ มันก็ดี ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าได้ช่วยเขาเต็มร้อยหรือเปล่า วันที่ตัดสินใจไปเยี่ยมน้อง ผมมีเป้าหมายอย่างเดียวคือไปเยี่ยมคนป่วยคนหนึ่ง ที่หมอบอกว่า น้องคงอยู่กับเราอีกไม่นาน เขาอยากได้กำลังใจจากเรา ผมคิดว่าไปถึงแล้ว เผื่อเขาจะดีขึ้น คิดอยู่แต่อย่างนี้..." บ่าววี กล่าว
 
บ่าววี

          บ่าววี เล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากได้มาเยี่ยมน้องกฤษในครั้งนั้นแล้ว อาการของน้องก็ดีขึ้นมากภายใน 1 เดือน เขาก็เลยกลับไปแต่งเพลงมา 1 เพลง ชื่อเพลง "ระยะสุดท้ายไม่มีจริง" เพราะเขาเชื่อว่า คำว่า "ระยะสุดท้าย" คงไม่มีจริง ๆ ถ้าเรามีอะไรให้เขา และในวันนี้ เขาก็ตั้งใจจะมาร้องเพลงนี้ให้น้อง และเด็ก ๆ ในห้องฟัง เพื่อต้องการจะบอกให้ทุกคนรู้ว่า น้องกฤษ ก็คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดเพลงนี้ขึ้นมา...
 
          "ผมว่าคนเราเกิดมาในสังคม ถ้าเราโตขึ้นมาที่พอจะดูแลตัวเองได้ สิ่งหนึ่งที่เราต้องรับผิดชอบก็คือ หน้าที่ หน้าที่ที่มีต่อสังคม ในฐานะที่ผมพอจะยืนอยู่ได้ และเติบโตขึ้นมาโดยสังคมให้โอกาสผม ผมอาจจะดูแลทุกคนไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พอจะผลักดันหลาย ๆ คน เช่น น้อง ๆ ที่ป่วยที่ผมพอจะช่วยได้ ผมก็อยากทำ..." บ่าววี บอกความในใจ
 
          จากวันนั้นจนถึงวันนี้ อาการของน้องกฤษก็ดีขึ้นดีวันดีคืนราวกับปาฏิหาริย์ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกำลังใจมากล้นที่บ่าววีมอบให้ด้วยใจจริง ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ บ่าววี กับ น้องกฤษ ก็ยังคงโทรหากันทุกวัน จนกลายมาเป็นมิตรภาพที่อบอุ่น
 
          "มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้ม เห็นความแข็งแรงของน้อง เหมือนถ้าเราได้ไปช่วยคนกลุ่มหนึ่งแล้วทำให้คนรักกัน สามัคคีกัน เราได้เห็นภาพแบบนั้น มันมีความสุขที่บางทีมันอธิบายไม่ถูก มันอยู่ในความรู้สึก..." บ่าววี พูดถึงสหายตัวน้อย หลังจากการแสดงคอนเสิร์ตเพื่อหาเงินไปช่วยเหลือเด็กที่ป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งในวันนั้น เขาได้รับเงินบริจาคประมาณ 160,000 บาท บ่าววี จึงมอบเงิน 100,000 บาท ให้ครอบครัวน้องกฤษ ส่วนอีก 60,000 กว่าบาท มอบให้กับโรงพยาบาลศูนย์สุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
 
บ่าววี

          ขณะที่ น้องกฤษ ก็ไม่ได้ตัดพ้อน้อยใจในชีวิตที่เกิดมาเป็นโรคนี้ และอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ตรงกันข้าม น้องกฤษ กลับมองโลกในแง่ดี และมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคร้ายที่แพทย์ระบุว่าเป็น "ระยะสุดท้าย" ต่อไป
 
          "ที่ผมมาเป็นโรคนี้ มันก็เหมือนกับการวิ่งแข่งกัน ถ้าเกิดเราไม่แข่งกับมัน มันก็ชนะเรา ถ้าเกิดเราไม่วิ่งไป มันก็จะวิ่งนำหน้าเรา แล้วเราก็จะหมดลมหายใจ หรือว่าทรุดลงไป เราก็ต้องวิ่งไปเรื่อย ๆ เดินหน้าไปเรื่อย ๆ ตามกำลังที่เรามี เพราะว่ามีคนอื่นที่ป่วยเป็นโรคนี้ เขาสู้ ผมก็ต้องสู้เหมือนกัน ผมก็อยากให้คนที่เป็นโรคนี้สู้เหมือนกันนะ จนกว่าจะหมดลมหายใจ..." น้องกฤษ พูดอย่างมุ่งมั่น
 
          จากเรื่องราวของ "บ่าววี" และ "น้องกฤษ" คงจะบอกได้ว่า การหยิบยื่นโอกาส แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คน ๆ หนึ่ง แล้วสามารถต่อความหวัง ต่อชีวิตให้เขาได้ ถือเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมหาศาล อย่างเช่นที่ บ่าววี ยอมเสียสละทั้งเวลา และเป็นธุระให้น้องกฤษในหลาย ๆ เรื่อง ก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเด็กชายคนหนึ่ง และบ่าววีก็ยังเป็นผู้ที่ทำให้คำว่า "อนาคต" ยังเป็นคำที่ยังมีความหมายในชีวิตของแฟนเพลงตัวน้อยคนนี้...




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ค้นหัวใจบ่าววี ... นักร้องสุภาพบุรุษลูกทัพฟ้า โพสต์เมื่อ 16 กรกฎาคม 2555 เวลา 15:44:18 4,857 อ่าน
TOP