x close

แฉเล่ห์เลขาฯ แสบ ปลอมเอกสาร...รัดกุม ไร้ช่องโหว่






 
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

         จากคดีเลขานุการสาวแอบนำเอกสารส่วนตัวของผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งปลอมลายเซ็นชื่อ ไปสมัครทำบัตรเครดิตกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินกว่า 9 แห่ง รูดเงินไปกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่ความมาแตกเมื่อผู้บริหารถูกสถาบันการเงินทวงถามถึงจำนวนเงินเหล่านี้ ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่าเลขานุการสาวได้ทำการดังกล่าว ทางสมาคมธนาคารไทยจึงได้เข้าพบตำรวจเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเลขานุการสาวคนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ตำรวจก็กำลังตามตัวอยู่ คาดว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้ และคาดว่าน่าจะทำคนเดียว ไม่มีขบวนการ
 
         ดังนั้น รายการเจาะข่าวเด่น (20 กรกฎาคม) จึงได้เชิญคุณธวัช รองประธานคณะทำงานป้องกันการทุจริต ชมรมธุรกิจบัตรเครดิตซึ่งเป็นตัวแทนธนาคารไทย มาพูดคุยในรายการ โดยไล่เรียงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 
         โดยคุณธวัชเปิดเผยว่า เลขานุการสาวคนดังกล่าวได้ขอสินเชื่อบัตรเครดิตเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังจากนั้นได้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรโดยที่ไม่ให้เจ้านายรู้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ส่วนการจ่ายบัตรเครดิตก็ใช้วิธีการหมุนเงิน กดจากบัตรใบหนึ่งมาจ่ายบัตรอีกใบหนึ่ง เหมือนเลี้ยงบัตรไปเรื่อย ๆ ด้วยวิธีการนี้ทำให้อยู่ได้เป็นปี ทางสมาคมธนาคารมารู้ทีหลังคือ เนื่องจากมีการค้างชำระอยู่ ธนาคารจึงทวงถามไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ นั่นก็คือ เบอร์ของนางวิลัย เลขาฯ ที่ก่อเหตุ แต่ไม่สามารถติดต่อได้
 
         ต่อมา ทางธนาคารจึงถามไปยังผู้บริหารที่ปรากฏชื่ออยู่ ซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างรู้จักพอสมควร จึงตามตัวได้ง่าย แต่เมื่อติดต่อไป ผู้บริหารบอกว่าไม่เคยเปิดใช้บัตรดังกล่าวเลย ทางธนาคารจึงกลับมาตรวจสอบทางกระบวนการว่า เกิดความผิดพลาดตรงไหน ทางธนาคารจึงได้มาแชร์ข้อมูลกันเพื่อตรวจสอบว่า ตรงไหนบ้างที่ลูกค้ามีสินเชื่อจริง อันไหนที่เป็นสินเชื่อปลอมให้แยกกันไว้ พอทราบผลแล้ว สมาคมธนาคารจึงต้องรีบดำเนินการเพื่อไม่ให้ผู้เสียหาย เสียหายไปมากกว่านี้ ความเสียหายเรื่องแรก คือ เครดิตบูโร ตอนนี้ผู้บริหารกลายเป็นผู้มีหนี้สิน ติดเครดิตบูโร ดังนั้นธนาคารจึงต้องแก้ไข โดยเปลี่ยนสถานะลูกค้าเป็นผู้ถูกทุจริต เพื่อปกป้องลูกค้า
 
         ตอนแรกที่เริ่มทำการสืบสวนก็ยังไม่แน่ใจ จึงต้องทำการแกะรอยโดยสัมภาษณ์ลูกค้าบางส่วนว่าข้อมูลเป็นอย่างไร และนำเอกสารของทุกธนาคารว่าตอนนี้ลูกค้าแจ้งความแล้ว แต่ข้อผิดพลาดที่เห็นคือ ผู้ต้องหาได้ใช้บัตรประชาชนตัวจริง เนื่องจากผู้บริหารท่านนี้เปลี่ยนชื่อ จึงมีการเปลี่ยนบัตรประชาชน และบัตรใบเก่า ซึ่งเลขาฯ เป็นคนเก็บไว้ อีกทั้งเอกสารส่วนตัว เอกสารการเงินของผู้บริหารคนนี้ก็อยู่ที่เลขาฯ ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของผู้บริหารที่จะเก็บเอกสารส่วนตัวไว้กับเลขาฯ
 
         จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบไปตามบัตรประชาชนจึงทราบว่า นางวิลัย เลขาฯ ได้นำบัตรเครดิตไปรูดที่คลินิกเสริมความงาม เพื่อแปลงโฉมหน้าตัวเองให้เหมือนหน้าเจ้านาย มีการเหลาคางให้แหลม เอาโหนกออกบ้างส่วน ทำริมฝีปากให้บางลง และมีการแสกผมไปด้านเดียวกับเจ้านาย หลังจากที่ผู้ต้องหาคิดว่า มีหน้าตาเหมือนเจ้านายแล้ว ก็มีความมั่นใจที่จะถือบัตรประชาชนเจ้านายไปเปิดบัตรอื่น ๆ ซึ่งธนาคารก็ตรวจสอบแล้วว่า ผู้ที่มาเปิดบัตร มีสถานภาพทางการเงินที่ดี มั่นคง ข้อมูลถูกต้องทุกอย่าง จึงอนุมัติและส่งบัตรเครดิตไปให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ทางไปรษณีย์ตอบรับลงทะเบียน ซึ่งก็คือ คอนโดหรูย่านรัชดา ซึ่งเป็นที่ที่เลขาฯ แสบคนนี้ไปเช่าอยู่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
 
        นายธวัช กล่าวต่อว่า พอได้บัตรเครดิต ก็ต้องโทรไปเปิดใช้กับธนาคารเสียก่อน และธนาคารก็จะถามข้อมูลส่วนตัวเชิงลึกเพื่อยืนยันอีกครั้ง ซึ่งถ้าไม่มีเอกสารส่วนตัวนี้ไม่สามารถตอบได้เลย อย่างไรก็ตามในกรณีก็เคยมีมาก่อน แต่ธนาคารก็ตรวจสอบรู้ได้ว่าเป็นแค่คนใกล้ตัว ไม่ใช่ตัวจริง แต่กับเลขาฯ คนนี้นั้นมีข้อมูลของเจ้านายแบบเชิงลึกจริง ๆ และตอบโดยไม่มีพิรุธเลย ซึ่งสรุปได้ว่า ขั้นตอนของเลขาฯ คนนี้ทำอย่างรัดกุม ไม่มีช่องโหว่เลย และที่แน่ใจชัดเจนจริง ๆ ว่า คนร้ายคือ เลขาฯ คนนี้ ก็จากการตรวจสอบจากเบอร์โทรที่ใช้ในการเปิดบัตร เบอร์ที่ใช้ในการ verify และที่อยู่ในการส่งบัตร ซึ่งไปตรวจสอบพบว่า ผู้เช่าก็คือ นางวิลัย เลขาฯ จริง ๆ และตรวจสอบจากคลินิกศัลยกรรมที่ก็ยังมีข้อมูลเก่าอยู่ จึงแน่ใจได้เลย
 
         อย่างไรก็ดี คนอาจจะสงสัยว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่า ผู้บริหารคนนี้ไม่รู้เรื่องด้วยจริง ๆ นายธวัช กล่าวว่า คือในเบื้องต้นได้มีการคุยกันทางกฎหมายกับผู้บริหารคนนี้ที่นำทนายความมาด้วย ว่าการมาแจ้งความนำเรื่องเข้าคดีอาญาคือ การมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ แจ้งเพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินดคี ซึ่งผู้บริหารคนนี้ให้ความร่วมมือมากพอสมควรจึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูลเชิงลึกมา นอกจากนี้ คุณธวัช ได้เปิดเผยข้อมูลที่ไม่ทราบว่าจะทำให้เสียรูปคดีหรือไม่ เพราะตรวจสอบพบว่า เลขาฯ คนนี้มีการใช้จ่ายเงินจากบัตรเครดิตส่วนหนึ่งเพื่อไปรักษาพยาบาลบุคคลหนึ่ง มีการสันนิษฐานว่าจะเป็นลูกสาว
 
         ทั้งนี้ ทางรองประธานชมรมได้ฝากเตือนไปยังผู้บริหารต่าง ๆ ที่มีเลขานุการอยู่ว่า เป็นเรื่องปกติที่ผู้บริหารจะไว้ใจให้เลขาฯ เก็บเอกสารทุกอย่าง แต่มีข้อยกเว้นอย่างหนึ่ง คือ อย่าลงลายมือทิ้งไว้ ถ้าจะใช้จึงค่อยเซ็นชื่อ และบัตรประจำตัวประชาชน เป็นของของเราเอง ถึงแม้จะเป็นบัตรเก่า ก็ไม่ควรให้ใครเก็บไว้




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แฉเล่ห์เลขาฯ แสบ ปลอมเอกสาร...รัดกุม ไร้ช่องโหว่ โพสต์เมื่อ 21 กรกฎาคม 2555 เวลา 12:00:22 3,468 อ่าน
TOP