เศร้า! นักโดดน้ำดาวดังจีนเพิ่งรู้ปู่ย่าตาย หลังคว้าเหรียญทอง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ OlympicsChampions สมาชกิเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

           ช่วงเวลาแห่งความสุขของนักกีฬาที่เดินทางไปแข่งขันลอนดอน เกมส์ 2012 ทุกคนคงจะเป็นตอนที่ได้ชูเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ แต่สำหรับ อู๋ หมินเซียะ นักกระโดดน้ำหญิงจากจีน ซึ่งหลังจากที่คว้าสามเหรียญทองในการแข่งขันกระโดดน้ำเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้ เธอกลับได้รับทราบข่าวร้ายที่ทำให้เธอช็อกและเศร้าอย่างที่สุด

           เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก อู๋ หมินเซียะ นักกระโดดน้ำดาวเด่นของจีนวัย 26 ปี คว้าชัยชนะในการแข่งขันกระโดดน้ำประเภทสปริงบอร์ด 3 เมตร คว้า 3 เหรียญทอง ทำให้เธอก้าวสู่ทำเนียบตำนานราชินีนักกระโดดน้ำในลอนดอน เกมส์ 2012 นี้ ในที่สุดครอบครัวของอู๋ หมินเซียะ ก็ได้ตัดสินใจบอกความจริงให้เธอทราบเกี่ยวกับเรื่องราวสุดเศร้าที่เกิดขึ้นในครอบครัว ตั้งแต่เรื่องที่ปู่และย่าของเธอเสียชีวิตไปเมื่อกว่า 1 ปีก่อน และเรื่องที่แม่ของเธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านมมาหลายปีแล้ว ซึ่งเธอไม่เคยระแคะระคายทั้งสองเรื่องนี้เลย ซึ่งเหตุผลที่ไม่มีใครแจ้งข่าวร้ายกับเธอก็เพราะต้องการให้เธอมุ่งมั่นคว้าชัยชนะ และไม่ต้องการให้เรื่องภายในครอบครัวเป็นอุปสรรคขัดขวางอาชีพของเธอ

           โดยอู๋ ซึ่งจับคู่กับ เหอ ซื่อ คว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาแล้วทั้งที่เอเธนส์และปักกิ่ง และกลับมาคว้าเหรียญทองอีกครั้งที่โอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ 2012  ทำให้จีนผงาดขึ้นเป็นเจ้าแห่งกีฬากระโดดน้ำในทุกการแข่งขันโอลิมปิก แต่กว่าจะถึงวันนี้ เธอต้องเผชิญความกดดันที่จะต้องคว้าชัยชนะ ทำให้ครอบครัวต้องปกปิดความจริงที่เกิดขึ้นกับพวกเขา

           สำหรับ อู๋ หมินเซียะ เริ่มฝึกกระโดดน้ำ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และออกจากบ้านเมื่ออายุ 16 ปี เพื่อไปเข้าสถาบันฝึกของรัฐบาล เธอยอมสละชีวิตส่วนตัวของเธอเพื่อทุ่มเทในการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่จนทำให้เธอเป็นดาวเด่นของวงการกระโดดน้ำจีนในตอนนี้ พ่อของเธอบอกว่า ยอมรับมานานแล้วว่า ลูกสาวไม่ได้เป็นสมบัติของครอบครัวอีกต่อไป และไม่กล้าแม้แต่จะคิดเฉลิมฉลองความสำเร็จ

           อย่างไรก็ดี เรื่องราวของอู๋ ก่อให้เกิดการโต้แย้งกันในจีน เกี่ยวกับความสำเร็จด้านการกีฬาของชาติในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นให้ความสำคัญต่อผู้ชนะที่ได้เหรียญทองเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อทางด้านจิตใจต่อนักกีฬาเป็นอย่างยิ่ง โดยรัฐบาลจะส่งข้อความแสดงความยินดีต่อนักกีฬาที่ได้รับชัยชนะและคว้าเหรียญทองผ่านทางสำนักข่าวของทางการ แต่ไม่พูดถึงผู้ที่ได้เหรียญเงินหรือเหรียญทองแดงด้วยซ้ำ






อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก