เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ระบุ คดีหมิ่นสถาบันของ นางฐิตินันท์ นั้น ผู้ต้องหาอาจจะติดคุกได้ เพราะทางกฎหมายระบุว่า ถ้าหากเป็นโรคจิตชั่วคราว ก็มีสิทธิรับโทษตามกฎหมาย แต่อาจจะได้รับน้อยกว่าอัตราที่ระบุ
วันนี้ (17 สิงหาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้กล่าวถึงแนวทางดำเนินคดีอาญากับ นางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ อายุ 63 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ที่ป่วยเป็นโรคจิตว่า ถ้าหากเป็นโรคจิตแบบถาวรที่ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ก็อาจจะเข้าข่ายไม่ต้องรับโทษ แต่ถ้าเป็นโรคจิตชั่วครั้งชั่วคราวหรือสามารถพูดคุยรู้เรื่องได้บ้าง ก็ได้มีสิทธิได้รับโทษ แต่รับโทษน้อยกว่าอัตราที่ระบุไว้
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 ได้ระบุไว้ว่า... "ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ถ้าผู้กระทำความผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้และความผิดมาตรา 112 มีอัตราโทษจำคุก ตั้งแต่ 3-15 ปี ดังนั้น หากผลตรวจของแพทย์ได้ข้อสรุปว่า ผู้ต้องหามีอาการทางจิต แต่รู้สึกผิดชอบ หรือบังคับตัวเองได้บ้าง ศาลก็อาจจะใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกน้อยกว่าที่กำหนดไว้ เช่น จำคุก 1 ปี หรือจำคุก 2 ปี"
นอกจากนี้ นายทวี ยังกล่าวอีกว่า ในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือศาลเห็นว่า ผู้ต้องหรือหรือจำเลยเป็นผู้วิกลจริต และไม่สามารถต่อสู้กับคดีได้ ทางกฎหมายให้งดสอบสวนเอาไว้ก่อน และให้ส่งตัวผู้ต้องหาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลโรคจิตตามแต่สมควร สำหรับคดีที่ป่วยทางจิตนั้นดูไม่ยาก เพราะส่วนใหญ่จะมีประวัติการป่วยและการรักษา ส่วนกรณีเดียวที่ทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ นั่นก็คือ ต้องป่วยเป็นโรคจิตจริง ๆ และการป่วยเป็นโรคจิตนั้นไม่สามารถแกล้งป่วยกันได้