เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก privateislandsmag.com
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษรายงานว่า เกาะส่วนตัวกว่า 600 แห่ง ที่มีมหาเศรษฐีทั่วโลกเป็นเจ้าของ กำลังถูกประกาศขายทิ้ง หลังเทรนด์การมีเกาะส่วนตัวเริ่มไม่เป็นที่นิยม และเจ้าของเกาะก็สู้ค่าใช้จ่ายในการดูแลเกาะไม่ไหว
รายงานระบุว่า ปัจจุบันนี้ มีเกาะกว่า 600 เกาะส่วนตัวทั่วโลก ถูกประกาศขายกันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งแต่ละแห่งมีมูลค่าตั้งแต่ 1.5 - 3,000 ล้านบาท โดยมหาเศรษฐีหรือคนดังเจ้าของเกาะได้เริ่มแห่ขายเกาะทิ้งกันเกลื่อนตั้งแต่ปี 2006 ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่า แม้ว่าเกาะส่วนตัวจะมีบรรยากาศดี ใกล้ชิดธรรมชาติ เงียบสงบ ไม่มีใครมาระรานก็จริง แต่การอยู่บนเกาะก็ต้องประสบกับปัญหาไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องเสียค่าบำรุงเกาะ ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องเสียให้กับทางการ ซึ่งรวมแล้วก็เป็นจำนวนไม่น้อย และค่อนข้างไม่คุ้มกับการเดินทางมาพักผ่อนตากอากาศเป็นครั้งคราว
ทางด้านนายเบน โฟเกิล พิธีกรรายการโทรทัศน์ชาวอังกฤษ ซึ่งเคยทำรายการเกี่ยวกับเกาะส่วนตัวนี้ ได้เปิดเผยว่า "มหาเศรษฐีทั้งหลายคิดแต่จะเติมเต็มความฝันของตัวเอง โดยไม่คิดถึงหลักความเป็นจริง พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายมหาศาลที่จะตามมาเลย พอ ๆ กับที่พวกเขาก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องขยะที่จะซัดมาเกยชายหาดด้วย"
ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 100 ปีที่ผ่านมา มีเกาะกว่า 12,000 แห่งถูกประกาศขายให้กับเศรษฐีเงินหนา แต่มีเกาะราว ๆ 1,000 แห่งเท่านั้นที่ถูกปรับสภาพและพัฒนาให้พร้อมสำหรับการเป็นที่อยู่อาศัย ขณะที่เจ้าของเกาะเองก็ต้องเจอกับปัญหาที่ลืมคิดไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับพายุ สัตว์ป่า สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และความสะดวกทั้งหลายที่อาจไปไม่ถึงบนเกาะนั่นเอง