เปิดบัญชีทรัพย์สินของนายศิริโชค โสภา พบหนี้สินกว่า 120 ล้าน หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังพ้นตำแหน่ง ส.ส. ด้าน ป.ป.ช. เร่งตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล เนื่องจากสันนิษฐานว่า อาจมีการเชื่อมโยงกับคดีอื่น ๆ
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) ได้เปิดเผย ผลการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่พ้นตำแหน่ง เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 ต่อสำนักกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่า จากการตรวจสอบบัญชีของนายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของฉายา วอลเปเปอร์ (Wallpaper) ที่เดินประกบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนสนิท มีจุดที่น่าสงสัยหลายประการ เนื่องจากหนี้สินที่เคยมีอยู่ราว 120 ล้านบาท ได้หายไปทันที หลังพ้นตำแหน่ง ส.ส.
โดยเมื่อปี 2551 นายศิริโชค แจ้งรายการบัญชีมีทรัพย์สินดังนี้
ทรัพย์สิน 1,447,395 บาท
หนี้สิน 119,233,696 บาท
จากรายการดังกล่าวจึงเห็นว่า นายศิริโชค มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินถึง 177,786,300 บาท
ต่อมา เมื่อนายศิริโชค พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อปี 2544 พบว่า มีทรัพย์สินลดลงเล็กน้อย โดยเหลือเพียง 1,401,957 บาท ในขณะที่หนี้สินทั้งหมดกลับหายไปโดยไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ซึ่งก่อนหน้านี้นายศิริโชค ได้ยื่นบัญชีรายการแสดงทรัพย์สิน และหนี้สินตอนรับตำแหน่ง ส.ส. ระบุว่า มีทรัพย์สิน เพียง 2 รายการ ดังนี้
1. เงินฝากธนาคาร 1.1 ล้านบาท
2. ที่ดินใน อ.ปากพลี จ.นครนายก เนื้อที่ 1 ไร่เศษ มูลค่า 3 แสนบาท
ทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวม 1.4 ล้านบาท โดยไม่มีทรัพย์สินอื่น
ในขณะที่นายศิริโชค ได้แจ้งว่า มีหนี้สินจำนวน 119.2 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สิน ดังนี้
1. หนี้นาคาร 27.5 ล้านบาท
2. หนี้บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน 31.8 ล้านบาท
3. หนี้กองทุนรวมไทยรีสตรัคเจอริ่ง 4 รายการ 59.8 ล้านบาท
ซึ่งรวมแล้วเท่ากับว่านายศิริโชคมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สินถึง 117.8 ล้านบาท ซึ่งนายศิริโชค ถือว่าเป็น 1 ใน 6 ส.ส. ประชาธิปัตย์ที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน
โดยหนี้ทั้งหมดเป็นหนี้ตามคำพำพากษาซึ่งศาลได้ตัดสินตั้งแต่ ปี 2543 - 2546 ซึ่งนายศิริโชค ตกเป็น 1 ในจำเลยร่วมกับ บริษัท โอเวอร์ซีส์ มารีนและห้องเย็น บริษัท สหะโสภา นางเสาวรส โสภา (นามสกุลเดิม จันทนะปุญญา) นายศิริพจน์ โสภา พี่ชาย และ เครือญาติ รวม 6 ราย โดยจากการตรวจสอบภายหลังพบว่า ครอบครัวนายศิริโชค มีธุรกิจกว่า 10 บริษัท และเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา มารดาของนายศิริโชค ก็ถูกจับกุมในคดีจ่ายเช็คเด้ง และอยู่ในระหว่างต่อสู้คดี
ดังนั้น การที่หนี้สินของนายชิริโชคได้หายไปเกือบ 120 ล้านบาท ทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่า เรื่องนี้จะเชื่อมโยงไปยังคดีอื่น ๆ เช่น คดีการติดต่อบริษัทเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์ เกี่ยวกับการขอซื้อดาวเทียมไทยคมของรัฐบาลไทย ที่มีขบวนการปั่นหุ้นดาวเทียมไทยคม จนทำให้นักเล่นหุ้นร่ำรวยกันถ้วนหน้า รวมถึงการที่นายศิริโชค เคยเข้าพบ นายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาคดีค้าอาวุธชาวรัสเซีย จนทำให้หลายต่างฝ่ายคาดเดาว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับการที่หนี้สินของนายศิริโชคหายไปหรือไม่
