แต่งตั้ง นายพลเล็ก ป่วน! 6ก.ตร. วอล์กเอาต์ (ไทยโพสต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิวอลก์เอาต์ที่ประชุมตั้งตำรวจระดับรอง ผบช.-ผบก. แฉไม่เป็นธรรม-โยกผิดหน่วย ยกกรณี ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช มีผลงานและอาวุโส แต่ไม่ได้เลื่อนขึ้น เช่นเดียวกับย้าย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เข้ากรุ เพราะการเมืองแทรก ขณะที่ "เฉลิม" อ้างสง่างามแล้ว
วานนี้ (29 สิงหาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวาระสำคัญคือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผบก.-รอง ผบช.ทั่วประเทศ 196 ตำแหน่ง โดยมีนายตำรวจระดับ ผบช.แต่ละหน่วยเดินทางมาชี้แจงต่อคณะกรรมการอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายวิษณุ เครืองาม, นายศุภวุฒิ สายเชื้อ, นายสุรชาติ บำรุงสุข ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง ก.ตร.มีมติแต่งตั้งได้เพียง 2 หน่วยแรก คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ได้เกิดปัญหาขึ้นเมื่อ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช, พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ, พล.ต.อ.บุญญฤทธิ์ รัตนะพร, พล.ต.ท.ศุภวุฒิ สังข์อ่อง และ รศ.ร.ต.อ.สรพลจ์ สุขทรรศนีย์ วอล์กเอาต์จากห้องประชุม เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่สามารถทักท้วงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจบางตำแหน่งได้
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมยังดำเนินต่อไป เนื่องจากองค์ประชุมครบ โดยวาระการแต่งตั้งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ บอกว่า ก่อนเริ่มประชุมได้มีการนำเอกสารชี้แจงไปยัง ร.ต.อ.เฉลิม ถึงการแต่งตั้งไม่เป็นธรรมในระดับรอง ผบช.-ผบก.ในครั้งนี้ 4 ประเด็น ประกอบด้วย
1.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่ง เมื่อครบวาระในปีแรก ตามกฎ ก.ตร.ข้อ 33 ที่ระบุว่า การคัดเลือกหรือแต่งตั้งผู้เหมาะสมที่จะได้รับพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ที่เพิ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนในปีแรกให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ผู้นั้นต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เป็นที่ประจักษ์ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง โดยมีผลการปฏิบัติงานเป็นรูปธรรม
1.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่ง เมื่อครบวาระในปีแรก ตามกฎ ก.ตร.ข้อ 33 ที่ระบุว่า การคัดเลือกหรือแต่งตั้งผู้เหมาะสมที่จะได้รับพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ที่เพิ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนในปีแรกให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ผู้นั้นต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและมีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เป็นที่ประจักษ์ตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง โดยมีผลการปฏิบัติงานเป็นรูปธรรม
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวต่อว่า ระดับ ผบก.เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบช.ตามข้อกฎ ก.ตร.ข้อ 33 มีทั้งสิ้น 18 นาย ระดับรอง ผบก.เลื่อนขึ้น ผบก.มี 20 นาย โดยตนพบเพียงแค่บัญชีนำเสนอของ บช.ภ.5 เท่านั้น ที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์อย่างครบถ้วน เช่น พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.ภ.จว.พะเยา ขึ้นเป็นรอง ผบช.ภ.5 และ พ.ต.อ.วันชัย สุวรรณศิริเขต รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ขึ้นเป็น ผบก.ภ.จว.เชียงราย โดยนายตำรวจทั้ง 2 นายดังกล่าว สามารถดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาลได้เป็นลำดับ 1 ของประเทศ ซึ่งถือว่าเหมาะสม แต่ตรงข้าม พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ที่มีผลงานโดดเด่นและมีอาวุโส กลับไม่ได้เลื่อนขึ้น
ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิกล่าวอีกว่า ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม ผบก.ภ.จว.ชุมพร ที่มีอาวุโสน้อยกว่า พล.ต.ต.รณพงษ์ แต่ในบัญชีกลับได้เลื่อนขึ้นเป็นรอง ผบช.ภ.8 รวมถึง พ.ต.อ.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบก.สส.ภ.8 ที่มีผลงานปราบยาโดดเด่น และมีอาวุโสมากกว่า พ.ต.อ.ชลิต แก้วยะรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ที่ได้เลื่อนเป็น ผบก.ภ.จว.พังงา ส่วน พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี อาวุโสลำดับที่ 1 ได้เลื่อนเป็น ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี แต่ไม่ได้มีการแสดงเหตุผลชัดเจนว่ามีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์อย่างไร
สำหรับประเด็นที่ 2 เรื่องการพิจารณาลำดับอาวุโสร้อยละ 33 ตามกฎ ก.ตร.ข้อ 33 (2) ที่ระบุว่า ข้าราชการตำรวจที่จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ สว.-ผบช. ให้พิจารณาตามลำดับอาวุโสจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 33 ของจำนวนตำแหน่งว่างในแต่ละระดับตำแหน่ง โดยลำดับอาวุโสดังกล่าวไม่ได้เป็นการคิดในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นการแยกคำนวณของแต่ละกองบัญชาการ แต่พบว่าการแต่งตั้งครั้งนี้มีผู้ที่ได้รับพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหลายนายที่ได้สิทธิ์ตามหลักอาวุโสร้อยละ 33 นั้น ต้องไปเลื่อนตำแหน่งนอกหน่วยกองบัญชาการที่สังกัด
3.การแต่งตั้งผู้ที่อยู่ในบัญชีเหมาะสมนอกหน่วย และมีอาวุโสต่ำกว่าคนใหม่ในหน่วยที่รับตัว โดยพบว่ามีบางกองบัญชาการได้จัดลำดับบัญชีผู้เหมาะสมไว้เป็นลำดับต้น เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง แต่กลับไปเลื่อนตำแหน่งในกองบัญชาการอื่น ๆ ที่มีผู้ดำรงตำแหน่งในหน่วยที่รับตัวนั้น อาวุโสอยู่มากมาย ฉะนั้นไม่ทราบว่าการแต่งตั้งลักษณะนี้จะชอบด้วยหลักเกณฑ์หรือไม่ เช่น การเลื่อน พ.ต.อ.หญิง อัญชนา ศรีทรงผล รอง ผบก.อก.รพ.ตร. เป็น ผบก.กต.6 จต.
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ กล่าวว่า ผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นโดยไม่ครบหลักเกณฑ์ และบางรายมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น กรณีของ พ.ต.อ.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบก.น.7 เป็น ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. (ประสานงานนโยบายกับนายกรัฐมนตรี) ซึ่งขาดคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ ถึงแม้อ้างว่าเป็นผู้ที่นายกฯ ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่นี้ แต่ทางเราเห็นว่าการยกเว้นให้นายตำรวจรายนี้ จะมีผลเสียต่อองค์กรตำรวจและจะมีผลกระทบอย่างสูงต่อการเมืองและนายกฯ
เขากล่าวด้วยว่า เช่นเดียวกับกรณีที่ พ.ต.อ.ธิติพงศ์ เศรษฐีสมบัติ รอง ผบก.ศพฐ.7 เป็น ผบก.ศพฐ.2 เมื่อพิจารณาคุณวุฒิและการอบรมเมื่อเปรียบเทียบกับ พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รอง ผบก.ศพฐ.4 ที่มีคุณวุฒิ วท.บ. (เคมี), นฐ./บตส.32 ตรงนี้จะเห็นชัดเจนว่า พ.ต.อ.ธวัชชัย มีคุณวุฒิและความเหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าวมากกว่า โดยเรื่องการแต่งตั้งบุคลากรที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในส่วนวิทยาศาสตร์ ที่จะมีความสำคัญมากในอีก 3 ปีข้างหน้า คือ เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แต่กลับมีการแต่งตั้งไม่ตรงกับคุณสมบัติที่เหมาะสมในตำแหน่งนั้น
พล.ต.อ.ชาญชิต เพียรเลิศ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ยังพบความไม่เป็นธรรมในหลายส่วน ทั้งเรื่องการโยกย้าย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ที่พึ่งเข้ามานั่งเก้าอี้ดังกล่าวได้เพียง 1 ปี ไปเข้ากรุเป็น ผบก.กต.1 และหากดูย้อนไปที่ ผบช.ภ.2 ก่อนหน้านี้ ก็พึ่งถูกโยกออกจากเก้าอี้ ตรงนี้เป็นธรรมและมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ถามไปยังประธาน ก.ตร.แล้ว แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง ส่วนเรื่องการเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านสืบสวน ที่จะเข้ามาดูงานเรื่องนิติวิทยาศาสตร์นั้น อยากจะให้ไปปรับปรุงเรื่องการแต่งตั้งระดับ ผบก.ใน สพฐ.ตร.ให้ดียิ่งขึ้น หรือให้มีคุณสมบัติความเหมาะสมที่ถูกต้องมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. กล่าวภายหลังการประชุม ก.ตร. โดยอ้างว่า เป็นการแต่งตั้งที่เรียบร้อยดี ถูกต้องชอบธรรม และที่สำคัญที่สุดการแต่งตั้งเท่าที่ตนเองมาอยู่ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง ตำรวจยุคนี้เป็นยุคที่มีฝีมือจริง ๆ แต่การแต่งตั้งครั้งนี้จะให้ถูกใจทุกคน 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เช่น กรณีนายตำรวจที่ติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีการซักถามว่ามีการยกเว้นหลักเกณฑ์ ถูกต้องนายกฯ จะเอาใครมาติดตามก็ต้องเป็นคนที่ท่านไว้วางใจได้ ไม่ใช่เอามาจากไหนสุ่มสี่สุ่มห้า เราสามารถชี้แจงได้
ส่วนกรณีข้ามสายก็มีความจำเป็น อย่างกรณีเอา ผบก. กองทะเบียนประวัติไปเป็นรองนายแพทย์ใหญ่ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจได้อธิบายความชัดเจนว่ารองแพทย์ใหญ่เดิมมี 3 คน ตอนนี้มี 4 คน คนที่จบแพทย์จะเก่งด้านวิชาชีพ ทางด้านบริหาร จัดการ งบประมาณ การเขียนโครงสร้างนโยบายต้องใช้นายตำรวจจากภาคส่วนอื่น ภาพรวมตนเองพอใจ
"การแต่งตั้งครั้งนี้ถือว่าสง่างามไม่มีปัญหา ปัญหามีอย่างเดียวอย่าไปเรียกรับทรัพย์สินเงินทองเท่านั้น" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแต่งตั้งครั้งนี้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิมองว่ามีการผิดฝาผิดตัวเยอะ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น เพราะต้องเชื่อข้าราชการประจำ การย้าย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ที่ทาง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิติดใจสงสัย ตนก็ได้สอบถามทาง ผบ.ตร.แล้ว ท่านก็มีเหตุผล แต่บอกไม่ได้ เป็นความลับ แต่ถือเป็นการแต่งตั้งที่ดีที่สุดไม่ต้องเสียเงินทอง อย่างอื่นจะล้ำไปบ้างจะถอยไปบ้างก็ธรรมดา
เมื่อถามว่า ทำไมไม่ชี้แจงให้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิรับทราบ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ชี้แจงแล้ว เป็นคนชี้แจงเอง และรอให้ถึงวาระนั้น ๆ ผบ.ตร.และว่าที่ ผบ.ตร.จะเป็นคนชี้แจงในรายละเอียดอีกทีเป็นขั้นเป็นตอน แต่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิได้ออกจากห้องประชุมไปก่อน ถ้าตนกล่าวหาว่าทำไมไม่รอฟังก็ได้เหมือนกัน
ด้าน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่หนักใจเรื่องของการแต่งตั้งที่เกิดขึ้น เพราะได้พูดตามความเป็นจริง ตามความเห็นคิดว่าน่าจะมีการพูดคุยกันระหว่าง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ก่อนที่จะมีการเข้าประชุม แต่ไม่น่าจะเดินออกไปข้างนอกเร็วเกินไป น่าจะฟังคำอธิบาย แต่เรื่องนี้ทาง ร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้ชี้แจงเรียบร้อยแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
