กอ.รมน.ภาค 4 แถลงสรุปเหตุคนร้ายลักลอบก่อเหตุจังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 102 เหตุ บางจุดเผาธงชาติไทย ขึ้นธงชาติมาเลเซีย รองโฆษก กอ.รมน. เผยคนร้ายต้องการเสี่ยมให้ไทยและมาเลเซียแตกคอกัน และไม่ต้องการให้ไทยเข้าร่วมอาเซียน
วันนี้ (31 สิงหาคม) เกิดเหตุคนร้ายลักลอบก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยแยกเป็นในพื้นที่ยะลา 34 จุด นราธิวาส 44 จุด ปัตตานี 12 จุด และสงขลา 12 จุด รวมทั้งสิ้น 102 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลักษณะก่อกวน ต่าง ๆ ส่วนที่เป็นการลอบวางระเบิดรวม 5 จุดในพื้นที่ อ.เมือง อ.ระแงะ อ.จะแนะ อ.บาเจาะ และ อ.สุไหงปาดี ของ จ.นราธิวาส ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บรวม 6 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ของนาวิกโยธิน กองทัพเรือ 3 นาย ของหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 45 2 นาย และหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 46 อีก1 นาย พร้อมกันนี้คนร้ายได้เผาธงชาติไทย 2 จุด พร้อมขึ้นธงชาติประเทศมาเลเซียแทนธงชาติไทยในหลายหมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ได้สั่งกำชับให้ทุกหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์ จัดชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เพื่อความไม่ประมาท รวมทั้งทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งก็มีความเข้าใจดี ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนท่านใดที่พบวัตถุต้องสงสัย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าตรวจสอบ โดยโทรแจ้งได้ที่หมายเลข 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านพ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ในฐานะรองโฆษก เปิดเผยถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเป็นการก่อเหตุในลักษณะการก่อกวน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนีเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุต้องการให้เป็นข่าวเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับรู้ โดยเลือกวันที่เป็นวันเชิงสัญลักษณ์ คือวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันประกาศเอกราชของประเทศมาเลเซีย รวมทั้งเป็นวันครบรอบการจัดตั้งขบวนการณ์เบอร์ซาตู ทั้งนี้เพื่อต้องการกระตุ้นจิตใจของแนวร่วมในการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเผาทำลายธงชาติไทย และติดธงมาเลเซียนั้นกลุ่มคนร้ายต้องการสร้างความเกลียดชังระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย ให้หวาดระแวงซึ่งกันและกัน ซึ่งถือว่าเป็นการแสวงประโยชน์จากความรุนแรงที่กลุ่มผู้ก่อเหตุสร้างขึ้นแล้วต้องการโยนความผิดให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ตนจึงอยากจะเรียนให้ทราบว่าประเทศไทยและมาเลเซียนั้นยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอดทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฎิบัติในพื้นที่ ดังนั้นการสร้างสถานการณ์เช่นนี้จะไม่ทำให้ไทยและมาเลเซียเกิดความขัดแย้งกันได้แน่นอน
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้หลายส่วนกำลังเตรียมพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก ดังนั้น สิ่งที่กลุ่มก่อเหตุรุนแรงต้องการในขณะนี้ นอกจากการก่อเหตุสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศแล้วส่วนหนึ่งคือต้องการไม่ให้ไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพราะหลังจากเข้าไปแล้วก็จะสูญเสียมวลชนไปเยอะ เนื่องจากพี่น้องประชาชนอยากที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่อย่างปกติสุข
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถาม กรณีกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ก่อเหตุรุนแรงในลักษณะป่วนเชิงสัญลักษณ์หลายสิบจุด โดยกล่าวสั้น ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีว่า ได้รับทราบรายงานแล้ว และได้สั่งการให้พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ลงไปดูแลแล้ว คาดว่าน่าจะถึงในวันพรุ่งนี้ (1 กันยายน)
ด้านพ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ในฐานะรองโฆษก เปิดเผยถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเป็นการก่อเหตุในลักษณะการก่อกวน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนีเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุต้องการให้เป็นข่าวเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับรู้ โดยเลือกวันที่เป็นวันเชิงสัญลักษณ์ คือวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันประกาศเอกราชของประเทศมาเลเซีย รวมทั้งเป็นวันครบรอบการจัดตั้งขบวนการณ์เบอร์ซาตู ทั้งนี้เพื่อต้องการกระตุ้นจิตใจของแนวร่วมในการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเผาทำลายธงชาติไทย และติดธงมาเลเซียนั้นกลุ่มคนร้ายต้องการสร้างความเกลียดชังระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย ให้หวาดระแวงซึ่งกันและกัน ซึ่งถือว่าเป็นการแสวงประโยชน์จากความรุนแรงที่กลุ่มผู้ก่อเหตุสร้างขึ้นแล้วต้องการโยนความผิดให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ตนจึงอยากจะเรียนให้ทราบว่าประเทศไทยและมาเลเซียนั้นยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอดทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฎิบัติในพื้นที่ ดังนั้นการสร้างสถานการณ์เช่นนี้จะไม่ทำให้ไทยและมาเลเซียเกิดความขัดแย้งกันได้แน่นอน
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้หลายส่วนกำลังเตรียมพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก ดังนั้น สิ่งที่กลุ่มก่อเหตุรุนแรงต้องการในขณะนี้ นอกจากการก่อเหตุสร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศแล้วส่วนหนึ่งคือต้องการไม่ให้ไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพราะหลังจากเข้าไปแล้วก็จะสูญเสียมวลชนไปเยอะ เนื่องจากพี่น้องประชาชนอยากที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่อย่างปกติสุข
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถาม กรณีกลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ก่อเหตุรุนแรงในลักษณะป่วนเชิงสัญลักษณ์หลายสิบจุด โดยกล่าวสั้น ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีว่า ได้รับทราบรายงานแล้ว และได้สั่งการให้พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ลงไปดูแลแล้ว คาดว่าน่าจะถึงในวันพรุ่งนี้ (1 กันยายน)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก