เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ LiveScoreReport สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
แฟนบอลเลย ซิตี้ เดือด! ไม่พอใจกรรมการไม่ให้จุดโทษ กรูกันขว้างของ ก่อนกักตัวไม่ให้กรรมการออกจากสนาม
มีประเด็นเดือดให้ได้วิพากษ์วิจารณ์กันเกือบทุกแมตช์จริง ๆ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอสลีก ดิวิชั่น 2 ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ทีมเลย ซิตี้ เจอกับ ทีมศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งสองทีมต่างต้องประชันแข้งเพื่อลุ้นที่จะติดอันดับ 1-2 ของตาราง ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่แชมป์เปี้ยนลีก
ทั้งนี้ เมื่อเริ่มการแข่งขันในครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมได้อย่างสนุกและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก โดยทีม เลย ซิตี้ ดูท่าว่าฟอร์มจะดีกว่า เพราะมีโอกาสได้ยิงประตูและเตะมุมธงได้ถึง 5 ครั้ง จนกระทั่งนาทีที่ 18 นักเตะหมายเลข 33 ของเลย ซิตี้ ก็สามารถทำประตูขึ้นนำให้ทีมได้สำเร็จ นำศรีสะเกษไป 1-0
ต่อจากนั้น ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทางศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ก็ตีเสมอเลย ซิตี้ ได้ ด้วยลูกเตะของ หมายเลข 17 พงษ์พิทักษ์ แก้วสมบัติ ที่โฉบเข้าโหม่งลูกโยนจากด้านขวา จนเข้าประตูอย่างสวยงาม
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังเล่นกันหนักและรุนแรง ตัดเกมกันไปมา จนแฟนบอลทั้งสองทีมลุ้นกันตัวโก่ง ส่วนทาง เลย ซิตี้ บุกหนัก จนน่าจะได้ลูกจุดโทษหลายลูก แต่กรรมการไม่ยอมให้ ทำให้แฟนบอลไม่พอใจและโห่ร้องประท้วงเป็นระยะ ๆ และเมื่อถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง 4 นาที สุดท้าย ทางกองกลางของเลย ได้โยนลูกโด่งไปยังหน้าประตู และเมื่อกำลังจะโหม่ง ก็ถูกกองหลังของทีมศรีสะเกษเข้าข้างวิ่งมากระแทกจนล้มลง แต่กรรมการไม่ยอมให้จุดโทษ และพอสิ้นเสียงเป่าหมดเวลา ทางแฟนคลับของเลย ซิตี้ โห่ร้อง และกรูลงมาที่สนาม พร้อมใช้ร่ม, ขวดน้ำ ไล่ปา นายสดใส มิสาโท กรรมการผู้ตัดสิน
ส่วนทางด้านกรรมการ ก็พยายามจะหลบออกจากสนาม แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะถูกเหล่าแผนบอลล้อมอยู่ ทางสนามจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและสารวัตรทหารเข้าไปรักษาความสงบ และดูแลความปลอดภัยของกรรมการ จนเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้ตัดสินจะขึ้นรถตำรวจ และออกจากสนามไปได้
สำหรับผลการแข่งขันในครั้งนี้ ทีมเลย ซิตี้ เสมอกับ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 1-1 ส่งผลให้เลย ซิตี้ หมดหวังขึ้นไปเล่นในแชมป์เปี้ยนลีกในที่สุด
ด้านนายวิมล กาญจนะ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากคณะผู้ตัดสินและผู้ควบคุมการแข่งขันแมตช์ดังกล่าว เพียงรับการรายงานทางโทรศัพท์เท่านั้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีบทลงโทษมากน้อยเท่าใด
อย่างไรก็ตาม นายวิมล กล่าวยืนยันว่า กรณีนี้จะต้องมีผู้รับผิดชอบอย่างแน่นอน โดยวันที่ 17 กันยายนนี้ คณะผู้ตัดสินจะส่งรายงานเรื่องดังกล่าวมายังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จากนั้นกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอสลีก จะส่งเรื่องต่อให้กับอนุกรรมการพิจารณาวินัยและข้อประท้วงของสมาคมฟุตบอล เป็นผู้ตัดสินว่าจะมีบทลงโทษที่ชัดเจนอย่างไร ขั้นตอนสุดท้ายตนจะเป็นผู้อนุมัติคำสั่งลงโทษดังกล่าว
ทั้งนี้ ไม่ว่าคณะอนุกรรมการจะมีผลการสอบสวนออกมาเป็นอย่างไร และการกระทำทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากความตั้งใจของผู้บริหารทีมหรือไม่ ขอยืนยันได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะมีผลต่อการส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลเอไอเอสลีกในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องการป้องกันเหตุนั้น นายวิมลกล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงที่ว่าแต่ละสนามของฟุตบอลไทยโดยเฉพาะเอไอเอสลีก ยังไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยเต็มร้อย ไม่ว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ไปรักษาความปลอดภัยมากแค่ไหน แต่หากสุดท้ายแล้วแฟนบอลหรือผู้บริหารทีมยังขาดความเป็นมืออาชีพ อีกทั้งสนามยังมีจุดบกพร่อง เหตุการณ์เหล่านี้พร้อมที่จะเกิดขึ้นอีกตลอดเวลา การแก้ไขที่ถูกต้องไม่ใช่เพิ่มจำนวนของตำรวจในสนาม แต่เป็นจิตสำนึกของทุกคนว่าแต่ละเกมทุกอย่างเกิดขึ้นได้ต้องยอมรับกับสิ่งที่ต่าง ๆ ให้ได้เป็นลำดับแรก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
