x close

เจอปอยผม - รอยโบกปูน คดีอุ้มฆ่า 2 สามีภรรยา

ตาย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

         พบหลักฐานเพิ่ม เจอปอยผม - รอยโบกปูน ในคดีอุ้มฆ่า 2 สามีภรรยา ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรอหมายค้น สั่งเจ้าหน้าที่เฝ้าหน้าบ้านร้างตลอด 24 ชั่วโมง กันคนมาเคลื่อนย้าย หรือทำลายหลักฐาน
         

         จากกรณีที่ นายสว่าง นุ่มจุ้ย อายุ 55 ปี ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากพบรถยนต์ของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย อายุ 27 ปี ลูกชาย และนางสาวอรษา เกิดทรัพย์ อายุ 27 ปี ลูกสะใภ้ สองสามีภรรยาเจ้าของไร่สับปะรด ใน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อ 3 ปี ก่อน ถูกจอดทิ้งไว้ในบ้านร้างแห่งหนึ่ง ที่ จ.นนทบุรี โดยตำรวจคาดว่าทั้งสองอาจถูกอุ้มมาฆ่าทิ้ง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

         ล่าสุด วานนี้ (17 กันยายน) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี  เร่งทำการตรวจสอบว่า บ้านร้างดังกล่าวใครเป็นเจ้าของ และให้ตรวจสอบบิลค่าน้ำค่าไฟรวมไปถึงบิลบัตรเครดิตที่มีชื่ออยู่ในตู้ไปรษณีย์ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า บิลดังกล่าวส่งถึง นางสาววิสสา จันทรบัญชร และจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า มีบัตรประกันสังคม และบัตรประชาชนของ นางสาวอรษา ที่หายตัวไป รวมถึงหมวกแก๊ปที่มีคราบเลือดตกอยู่ภายในรถด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลตรวจสอบดีเอ็นเอจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ว่า เป็นเลือดของใคร และรอยนิ้วมือแฝงที่พบภายในรถดังกล่าวเป็นของใคร ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 - 2 วันนี้

         นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายศาลค้น บ้านร้างเลขที่ 125/53 และ 125/2 ซอยกรุงเทพนนท์ 1 ถนนกรุงเทพ-นนท์ ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยพบหลักฐานเพิ่มเติม คือ เส้นผมจำนวนหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นดินข้างตัวบ้าน และพบร่องรอยโบกปูนซึ่งมีลักษณะเหมือนรอยโบกทับใหม่ในห้องคนใช้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถขุดดูได้ เนื่องจากเป็นการทำลายทรัพย์สิน แต่อย่างไรก็ดี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าบ้านหลังดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐาน หรือการเคลื่อนย้ายหลักฐานต่าง ๆ

         ส่วนทางด้าน นางเอื้อน เกิดทรัพย์ อายุ 60 ปี มารดาของนางสาวอรษา กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ทราบข่าวตนก็รีบเดินทางมาดูรถที่ลูกสาวและลูกเขยนั่งมาก่อนหายตัวไป โดยตนยืนยันว่ารถคันนี้เป็นของลูกสาวจริง ส่วนในวันเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน แต่ทราบว่าลูกสาวและลูกเขยได้เข้ามาตัดต้นกระถินในไร่ของลูกสาวคนโต ซึ่งมีที่ดินติดอยู่กับที่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ  ก่อนที่จะหายตัวไป และเมื่อตนไปยังที่เกิดเหตุนั้น ก็พบเพียงกองไม้ต้นกระถินที่ตัดไว้

         นางเอื้อน กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนสอบถามเพื่อนบ้าน ได้เล่าให้ฟังว่า ลูกสาวและลูกเขยของตนถูกคนจับตัวขึ้นรถออกไป จึงได้แจ้งความที่ สภ.ท่าไม้รวก จากนั้นทางตำรวจได้รับการติดต่อจาก นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ว่าจะเดินทางมาให้ข้อมูลที่ สภ.เมืองนนทบุรี แต่ได้เกิดเปลี่ยนใจในภายหลัง โดยนายสุเทพได้นัดให้ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ไปสอบปากคำเป็นการส่วนตัวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายในห้างเซ็นทรัล พระราม 3

         อย่างไรก็ตาม จากคำให้การของนางเอื้อนนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปสอบปากคำพยานบุคคลปากสำคัญรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ให้เบาะแสว่าพบรถกระบะของนายสามารถ ทั้งนี้หลังจากที่สอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เปิดเผยว่า ต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า  พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าของวันที่ 18 กันยายน จะนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านอีก 1 หลัง ซึ่งอยู่ในรั้วเดียวกันอย่างละเอียดว่าจะพบหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่

         ขณะที่ นางสาววิมล นุ่มจุ้ย อายุ 34 ปี พี่สาวของนายสามารถ ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยนางสาววิมล เปิดเผยว่า ก่อนที่จะพบรถกระบะของน้องชาย นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ อายุ 63 ปี พี่ชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ แพทย์ รพ.ตำรวจ ได้บอกกับตนว่า มีคนพบรถของน้องชายจอดอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว พอตนเดินทางไปดูก็พบว่าเป็นรถของน้องชายตน ตนจึงโทรบอกพ่อของตนอีกที

         นางสาววิมล กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่นายสุเทพนำเรื่องรถยนต์มาบอกนั้น อาจจะเป็นเพราะนายสุเทพกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ มีปัญหาฟ้องร้องกันเรื่องมรดกอยู่ก็เป็นได้ แล้วก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอให้ตนช่วยเป็นพยานต่อศาลเรื่องการดูแลมารดา พอนายสุเทพทราบเรื่องจึงโทรมาบอกเบาะแสเกี่ยวกับรถของน้องชายให้ตนฟัง

         พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นได้บันทึกคำให้การ เพื่อดูว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานเพิ่มเติมในจุดไหนบ้าง ถ้ามีส่วนไหนในคดีเกี่ยวพันในท้องที่ สภ.ท่าไม้รวก ก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนในพื้นที่ที่ครอบครัวของนายสามารถอ้างว่า ศพของทั้งคู่ถูกฝังอยู่ในไร่ของนายตำรวจคนดังกล่าว ต้องขออำนาจศาลเพื่อค้นหาศพต่อไป

         อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า นายตำรวจคนดังกล่าวที่ถูกพาดพิง ได้เข้าโครงการสมัครใจลาออกก่อนเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ทั้งนี้ ทางต้นสังกัดของตำรวจนายดังกล่าวได้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เนื่องจากยังไม่มีพยานหลักฐานใดที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เจอปอยผม - รอยโบกปูน คดีอุ้มฆ่า 2 สามีภรรยา โพสต์เมื่อ 18 กันยายน 2555 เวลา 14:33:11 3,486 อ่าน
TOP