พ่อเชื่อหมอเขมรทำลูกสาวดับ - พบเลือดคั่งกระจายทั่วปอด


พ่อเชื่อหมอเขมรทำลูกสาวดับ - พบเลือดคั่งกระจายทั่วปอด
 
พ่อเชื่อหมอเขมรทำลูกสาวดับ - พบเลือดคั่งกระจายทั่วปอด

พ่อเชื่อหมอเขมรทำลูกสาวดับ - พบเลือดคั่งกระจายทั่วปอด


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ เรื่องเล่าเช้านี้

            พ่อบัณฑิตจุฬาฯ เชื่อสาเหตุที่ทำให้ลูกสาวเสียชีวิตเกิดจากการนวด และยาไม่ได้คุณภาพ ขณะที่ผลชันสูตร ระบุ เกิดจากหัวใจล้มเหลว พบเลือดคั่งกระจายทั่วปอด และยาแก้ปวดจำนวนมาก

            จากกรณีที่ น.ส.โมทนา สถาปนาวิสุทธิ์ อายุ 22 ปี ว่าที่บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 คณะครุศาสตร์ สาขาการศึกษาปฐมวัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2555 หลังจากการนวด โดยการเหยียบท้องน้อยของ นางวองท์ ลลิตา หรือนางประกายศิริ วงศ์ อายุ 51 ปี ชาวกัมพูชา ที่อ้างตัวว่าได้รับพรจากพระเยซูคริสต์ ทำให้สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ด้วยการนวดโดยใช้ยา และก้อนหินร้อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 กันยายน ได้มีการจับกุม นางวองท์ ในข้อหาฉ้อโกง เปิดบริการเกี่ยวกับโรคศิลป์โดยไม่ขึ้นทะเบียน และประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น

            ล่าสุด เมื่อวานนี้ (24 กันยายน) นายไพบูลย์ บิดาของ น.ส.โมทนา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนยังเชื่อว่า การรักษาของนางวองท์ เป็นเหตุที่ทำให้ลูกสาวเสียชีวิต เนื่องจากยาที่รักษาไม่มีคุณภาพ รวมถึงการรักษาโดยการเหยียบรุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง นางวองท์ ยังไม่เคยเข้ามาพูดคุยกับทางครอบครัวเพื่อแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด

            ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ได้เล่าย้อนเหตุการณ์ว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้มีญาติ ๆ ที่เคยไปรักษากับนางวองท์มาแนะนำถึงการรักษาดังกล่าว ประกอบกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จักในโบสถ์ เนื่องจากทางครอบครัวนับถือศาสนาคริสต์ ได้มาชักชวนให้ลูกสาวลองไปรักษาดู ซึ่งลูกสาวก็ปฏิเสธมาตลอด แต่ทางครอบครัวเห็นว่าผู้ใหญ่แนะนำมา จึงพยายามเกลี้ยกล่อมลูกให้ไปลองรักษา เพื่อหวังจะหายขาดจากโรคเบาหวานที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อถูกคะยั้นคะยอลูกก็เลยยินยอม แต่ก็ไม่เต็มใจเท่าใดนัก

            จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ครอบครัวได้พาลูกสาวไปหานางวองท์ที่คลินิก โดยตอนนั้นครอบครัวยังไม่ทราบว่านางวองท์เป็นหมอเถื่อน พอไปถึงนางวองท์บอกว่าลูกสาวไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน แต่อ้างว่าเพราะกระดูกหน้าอกบิดเบี้ยวเป็นรูปตัว s จึงทำให้ไม่มีหน้าอก และตำหนิลูกสาวว่าไม่รู้จักดูแลตัวเอง ปล่อยให้สะโพกใหญ่ ดังนั้นควรรีบรับการบำบัดทันที จากนั้นด้วยความเกรงใจ ลูกสาวจึงลองรักษาดู

            นายไพบูลย์  กล่าวต่อว่า วิธีการบำบัดของนางวองท์คือ การใช้เท้าเหยีบบริเวณลำตัวทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ได้ให้ยาสวนทวารกับวิตามิน กลับมาทานต่อที่บ้าน โดยคิดค่ารักษาครั้ง 1,500 บาท แต่จะให้ใส่เงินในกล่องบริจาค โดยไม่รับเงินเอง ทว่า หลังจากที่ผ่านการบำบัดแล้ว ลูกสาวกลับมีอาการแปลกไป จากคนร่าเริงกลายเป็นคนไม่สุงสิงกับใคร และบอกว่ารู้สึกเพลีย จากนั้นก็เริ่มมีอาการกระสับกระส่าย ปวดทั้งตัว แต่เมื่อทานยาที่นางวองท์ให้มาก็เริ่มมีอาการดีขึ้น โดยในเช้าวันที่ 16 มิถุนายน ลูกสาวยังคงมีอาการปวดรบกวนเป็นระยะ ๆ แต่เมื่อทานยาอาการก็ทุเลา

            ต่อมา จู่ ๆ ลูกสาวก็มีอาการเจ็บปวดถึงขั้นดิ้นทุรนทุราย หายใจเสียงดังผิดปกติ พวกตนจึงพาลูกกลับไปหาหมอวองท์อีกครั้งในวันที่ 19 มิถุนายน แต่ครั้งนี้หมอวองท์บอกให้ลูกสาวตนนอนรักษาอาการที่คลินิกเลย เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด ดังนั้นภรรยาตนจึงขออยู่เฝ้าลูกสาว ส่วนนางวองท์ก็ยังคงรักษาด้วยการเหยียบเช่นเดิม แต่รอบนี้ เมื่อหมอวองท์เหยียบบริเวณท้องน้อยของลูกสาว ปรากฏว่ามีปัสสาวะไหลออกมาพร้อมกับเลือดเป็นจำนวนมาก ตอนแรกภรรยาตกใจมาก ส่วนหมอวองท์ได้ถามว่าลูกสาวตนมีประจำเดือนเหรอ ซึ่งภรรยาตนก็เพิ่งรู้ว่าลูกสาวมีประจำเดือน แต่จากนั้นหมอวองท์ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ให้ซื้อผ้าอ้อมมาใส่ และให้น้องนอนที่คลินิกเพื่อดูอาการ

            กระทั่งช่วงกลางดึกคืนนั้น ลูกเกิดมีอาการทุรนทุราย แล้วเริ่มหายใจทางจมูกไม่ได้ จนต้องหายใจทางปาก จนถึงขั้นหยุดหายใจ เมื่อภรรยาตนเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบวิ่งไปปลุกนางวองท์ทันที แต่นางวองท์กลับบอกว่า เป็นแม่ยังไงถึงดูแลลูกไม่ได้ แล้วหมอวองท์ก็ลงมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนปั๊มหัวใจลูกสาว จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบหน้าอกลูกสาวเพื่อให้เสมหะหลุดออกทางจมูก ซึ่งระหว่างนั้นภรรยาได้โทรศัพท์บอกให้ตนรีบมาดูอาการลูกสาวทันที

            นายไพบูลย์ เล่าต่อว่า ภรรยาตนเห็นหมอวองท์เหยียบไปทั่วร่างกายลูกสาว จนเศษอาหารไหลออกมาทางจมูก และปากเป็นจำนวนมาก จนลูกสาวหมดลมหายใจ และเมื่อส่งโรงพยาบาล แพทย์ก็บอกว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว เพราะขาดอากาศหายใจนานกว่า 30 นาที และในเวลาต่อมาญาติซึ่งเคยบำบัดกับหมอวองท์มาก่อนได้มาบอกว่า มีอาการแย่ลงเหมือนกัน และโรคประจำตัวที่เคยเป็นก็ไม่ทุเลาลง โดยหมอวองท์บอกว่า อย่าบอกใครว่ามารักษาที่คลินิกนี้ ให้บอกว่ามาพักผ่อนบ้านญาติ ซึ่งทางครอบครัวเห็นว่าเรื่องนี้ควรเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ เพราะที่นี่เป็นคลินิกเถื่อนที่อาศัยความเชื่อทางศาสนามาหลอกล่อประชาชน

            นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด ทางโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้เผยผลชันสูตรออกมาแล้วว่า ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย และไม่พบความผิดปกติของอวัยวะภายใน แต่มี 2 จุด ที่น่าสังเกต คือ ผนังหัวใจด้านนอก มีอาการอักเสบเรื้อรังเล็กน้อย และมีเลือดคั่งกระจายทั่วปอด โดยแพทย์ลงความเห็นการเสียชีวิตว่า มาจากการทำงานของหัวใจล้มเหลว และในร่างกายพบยาแก้ปวดชนิดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งทางตำรวจจะทำการสืบสวนคดี เพื่อดำเนินคดีดังกล่าวต่อไป

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พ่อเชื่อหมอเขมรทำลูกสาวดับ - พบเลือดคั่งกระจายทั่วปอด โพสต์เมื่อ 25 กันยายน 2555 เวลา 12:21:52 6,583 อ่าน
TOP
x close