มติวุฒิสภา อนุมัติ สถาพร นั่ง กรรมการ ป.ป.ช. ด้วยคะแนน 76 ต่อ 43 เสียง ท่ามกลางการหารือเดือดกว่า 5 ชั่วโมงเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ว่า จเรตำรวจ เทียบเท่าอธิบดีหรือไม่
วันนี้ (1 ตุลาคม) ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติให้ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แทนนายเมธี ครองแก้ว ที่หมดวาระการดำรงตำแหน่ง ด้วยคะแนน 76 ต่อ 43 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผลการลงมติจะออกมา ที่ประชุมได้อภิปรายกันอย่างดุเดือดร่วม 5 ชั่วโมง เนื่องจากมีข้อสงสัยว่า พล.ต.อ.สถาพร อาจจะขาดคุณสมบัติ โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว. ระบุว่า คุณสมบัติของ พล.ต.อ.สถาพร ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 246 วรรคสอง เนื่องจากไม่เคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่าตำแหน่งอธิบดีในหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งถ้าเป็นหน่วยงานตำรวจก็หมายถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
นายสมชาย แสวงการ แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติและความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่มีนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี พยายามตีความว่า ตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่าอธิบดี ตามหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการและพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งถือว่าเป็นการเปรียบเทียบโดยนับเฉพาะเงินเดือนและสิทธิประโยชน์เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงอำนาจการบริหาร
ด้านนายดิเรก ชี้แจงว่า ที่ประชุม กมธ. เห็นว่าทางรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุอย่างละเอียดว่า ตำแหน่งใดที่เทียบเท่ากับอธิบดีบ้าง ดังนั้นจึงต้องพิจารณาตามกฎหมายลูก ที่มีหน่วยงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการรับและโอนบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งต่าง ๆ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ ก.พ. ที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียด แล้วทาง ก.พ. ก็ได้ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วว่า จเรตำรวจแห่งชาติ มีตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดีจริง ๆ
ต่อมา ได้ประชุมลับโดยใช้เวลา 30 นาที ซึ่งนายสมชาย ได้เสนอญัตติให้วุฒิสภาส่งเรื่องคืนคณะกรรมการสรรหาพิจารณาใหม่ ทว่านายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง เสนอให้วุฒิสภาเดินหน้าลงมติ ผลปรากฎว่า วุฒิสภามีมติ 77 ต่อ 41 เสียงให้เดินหน้าลงมติต่อไป จนถึงมติสุดท้ายที่ให้ พล.ต.อ.สถาพร เป็นกรรมการ ป.ป.ช.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
