x close

กลับตาลปัตร! หมอสุพัฒน์ เขียนจดหมายแฉพี่ชายจัดฉาก คิดฆ่าแม่




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          บุตรชายของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เข้าเยี่ยมบิดาที่เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรี ก่อนนำจดหมายมอบสื่อ แฉพฤติกรรมพี่ชาย สร้างเรื่องใส่ร้าย
 
          จากกรณี นายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยา เจ้าของไร่สับปะรดใน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 จนต่อมา 3 ปีให้หลัง พบรถของ 2 สามีภรรยา ถูกจอดทิ้งในบ้านร้าง ที่ จ.นนทบุรี และได้มีการขุดพบโครงกระดูก 3 โครง ในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ กระทั่ง พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ถูกจับกุม โดยศาลได้คัดค้านการประกันตัวนั้น
 
          ล่าสุด วันนี้ (8 ตุลาคม) พนักงานสอบสวนที่ได้สอบสวน น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของหมอสุพัฒน์ ก่อนหน้านี้ ระบุว่า นายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายคนโตของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เป็นผู้ขับรถของ 2 สามีภรรยา ที่หายตัวไป เพื่อนำไปไว้ที่บ้านร้างใน จ.นนทบุรี แต่จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เรียกตัวนายเอก มาสอบปากคำแต่อย่างใด
 
          ส่วนผลการตรวจดีเอ็นเอ ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งผ่านมาครบ 1 สัปดาห์แล้วนั้น พบว่า แพทย์ยังอยู่ระหว่างการสรุปผล และคาดว่าจะมีการแถลงผลให้ทราบภายใน 1-2 วันนี้


          ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเช้ามีรายงานว่า นายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายคนโตของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมบิดาพร้อมนำยารักษาโรคเบาหวานเข้าไปให้ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ซึ่งการเข้าเยี่ยมครั้งนี้มีคนสนิทของนายเอก ซึ่งเป็นคนดูแลไร่แจ้งมาว่า หมอสุพัฒน์ จะเปิดใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยจะเขียนหนังสือฝากออกมาให้สื่อมวลชน ขณะที่นายเอก ไม่ได้พูดยืนยันว่า บิดาจะเขียนหนังสือฝากออกมาจริงหรือไม่

 
          กระทั่งในเวลา 12.00 น. นายเอก ได้ออกมาแจกเอกสาร 9 หน้า ซึ่งอ้างว่าเขียนด้วยลายมือของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้กับสื่อมวลชน โดยระบุว่า ที่ผ่านมา สื่อนำเสนอข่าวเพียงด้านเดียว จึงอยากชี้แจงให้รับรู้ในด้านของพ่อบ้าง เพราะพ่อมองว่าไม่ได้รับความยุติธรรม

          ทั้งนี้ ในจดหมายดังกล่าวมีใจความสำคัญหลายเรื่อง อย่างเช่นเรื่องครอบครัวของนายสามารถ นุ่มจุ้ย ที่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ระบุว่า ไม่เคยมีเรื่องกับครอบครัวนี้ มีแต่ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินทองกับนายสว่าง บิดาของนายสามารถ และยังช่วยเหลือให้ลูกสาวได้ทำงานในโรงพยาบาลตำรวจด้วย ยืนยันว่า ตนไม่เคยเดินทางไปที่ไร่ของพ่อที่จังหวัดเพชรบุรีเลย เรื่องนี้มีพยานยืนยัน รถของนายสามารถที่พบอยู่ที่บ้านตนที่จังหวัดนนทบุรี ตนไม่ทราบว่าใครนำจอดไว้ เพราะตนไม่เคยไปที่นั่นเลย ส่วนนางวิลสา จันทร์บัญชร เคยพูดคุยกันบ้าง แต่ช่วงหลังไม่ได้พบกันเลย เพราะแยกบ้านกันอยู่

          ส่วนเรื่องที่นายกะลา คนงานชาวพม่า ออกมาพูดว่าตนฆ่าคนนั้น พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ชี้แจงว่า นายกะลาเป็นลูกน้องเก่าของพี่สุเทพ มีพฤติกรรมก้าวร้าว และเคยต้องคดีฆ่าคนตาย สิ่งที่นายกะลาพูดเป็นเรื่องที่พี่สุเทพสร้างเรื่องขึ้นมาทั้งหมด เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่นายกะลาเคยติดคุกที่เรือนจำเพชรบุรี ขณะที่นายสว่างก็เป็นคนของพี่สุเทพ

          สำหรับกรณีที่มีคลิปแม่ของตนออกมาพูดว่าตนเป็นอกตัญญูนั้น พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ อธิบายว่า แม่ของตนเป็นโรคสมองเสื่อมอย่างรุนแรง ที่ผ่านมาเรียกชื่อลูกสลับกันมาโดยตลอด ตนจึงได้ร้องต่อศาลขอเป็นผู้อนุบาลมารดา แต่ระหว่างนั้น พี่ชาย คือ นายสุเทพ และนายสุคนธ์ ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง ได้นำแม่ไปพิมพ์มือโอนขายที่ดินเป็นเงิน 200 ล้านบาท และโอนย้ายถ่ายเทเงินดังกล่าวไปจนหมด ทำให้ศาลสั่งอายัดทรัพย์ของแม่ เพื่อไม่ให้มีการโอนย้ายถ่ายเทอีก เมื่อแม่รู้เข้าก็ร้องไห้เสียใจ จนต้องเข้าโรงพยาบาล ยืนยันว่า พี่สุเทพมีปัญหาการเงินมาโดยตลอด ที่ผ่านมา ถูกฟ้องคดีอาญายักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน ถูกสำนักงานสวัสดิภาพพิทักษ์เด็กและเยาวชนฟ้อง และยังมีคดีติดตัวหลายคดี

          พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ระบุอีกว่า นายสุเทพ ไม่พาแม่ไปรักษาโรค แต่ซื้อยาให้แม่กินเอง จนทำให้แม่มีเลือดออกในกระเพาะ ช็อกจนต้องเข้าไอซียู และเมื่อพาไปพบแพทย์ก็ปกปิดประวัติ เมื่อไม่ให้มีการบันทึกในเวชระเบียน ทำให้แพทย์ไม่รู้ประวัติการเจ็บป่วย หรือยาที่เคยแพ้

หมอสุพัฒน์


สำหรับข้อความในจดหมายทั้งหมด มีดังต่อไปนี้

          กรณีที่หมอตกเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ สื่อและประชาชนจะมีข้อสงสัยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทำไมหมอไม่ออกมาพูด หมอมีพฤติกรรมต้องการให้แม่ตายตามคลิปในโทรทัศน์ หรือมีพฤติกรรมเลวร้ายตามที่พี่สุเทพกล่าวหาจริงหรือไม่
         
          1. การที่ไม่ออกมาพูดตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่เชื่อว่า พี่สุเทพจะนำหมอไปเกี่ยวกับนายสามารถเป็นเรื่องราว เพราะโดยส่วนตัวไม่เคยมีเรื่องขัดใจอะไรที่รุนแรงกับครอบครัวนายสว่าง นายสามารถเลย มีแต่เคยให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับนายสว่างและช่วยเหลือให้บุตรสาวเข้าทำงานใน รพ.ตำรวจ
         
          สิ่งที่สำคัญ คือ ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากหมอได้ร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาล หากท่านได้ดูคลิปคุณแม่ จะเห็นว่าคุณแม่บอกว่า มันเอาเงินแม่ไปจนหมด ที่ดินก็เอาไปขาย ถ้าขายหมดมันฆ่าแม่แน่ คำพูดทั้งหมดเป็นคำพูดที่แม่พูดถึงหมอ เมื่อหมอไปพบแม่ตามลำพัง คุณแม่มักจะจำชื่อลูกสลับกัน เนื่องจากเป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรง หมอจึงได้ไปร้องต่อศาลขอเป็นผู้อนุบาลมารดา

          ในระหว่างกระบวนการพิจารณาคดี พี่สุเทพและนายสุคนธ์ ลูกเลี้ยง ได้นำนางถนิมไปพิมพ์มือโอนขายที่ดินเป็นเงิน 200 ล้าน และโอนย้ายถ่ายเทเงินดังกล่าวไปจนหมด เป็นเหตุให้ศาลท่านให้อายัดทรัพย์สินของนางถนิมทั้งหมด มิให้มีการโอนย้ายถ่ายเทอีก ทำให้นายสุเทพซึ่งมีปัญหาด้านการเงินมาโดยตลอดเดือดร้อน

          พี่สุเทพเคยเป็นผู้จัดการบริษัทโฆษณา มีความเชี่ยวชาญด้านสื่อเป็นอย่างมาก และที่พี่สุเทพเคยให้สัมภาษณ์ว่า หมอเคยเตือนว่าพี่สุเทพชอบเดินทับเส้น หมายถึง ตลอดชีวิตของพี่สุเทพที่ผ่านมา มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน ฉ้อฉล คดโกงมาโดยตลอด ทำให้ต้องมีคดีแพ่งและอาญาตลอดมา ถูกไล่ออกจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เพราะทุจริต 400 ล้าน มิใช่ลาออกมาดูแลแม่ตามที่พูด (มีหลักฐานเอกสารชัดเจนจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้) ถูกฟ้องคดีอาญายักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน โรงงานว่านหางจระเข้ที่เพชรบุรี ถูกสำนักงานสวัสดิภาพพิทักษ์เด็กและเยาวชนฟ้อง นายสุเทพกู้เงินและถ่ายโอนเงิน 4 ล้านกว่า และอีกหลายคดี
         
          เมื่อปี 2540 แม่ถนิมเริ่มมีอาการสมองเสื่อม คนรอบข้างรวมทั้งพี่สุเทพ เริ่มยักย้ายถ่ายโอนเงินในบัญชีคุณแม่ไปใช้ (มีหลักฐานอยู่ในศาล)
         
          ปี 2545 คุณแม่พบว่าเงินหมดบัญชี ได้มอบอำนาจให้หมอไปตรวจสอบเงินในบัญชี พบว่า คนรอบข้างได้ยักย้ายถ่ายโอนเงินจากบัญชี โดยเฉพาะพี่สุเทพ เอาเงินไปถึง 2 ล้านบาท คุณแม่เมื่อทราบเรื่องร้องไห้เสียสติ ต้องเข้าโรงพยาบาล คุณแม่มอบอำนาจให้หมอดำเนินดคีกับผู้เกี่ยวข้อง แต่หมอเห็นว่า ทุกคนล้วนเป็นคนใกล้ชิด โดยเฉพาะพี่สุเทพจึงแจ้งกับทุกคนว่า พอได้แล้วนะ หยุดได้แล้ว
        
          ปี 2553 พี่สุเทพยังคงพิมพ์มือคุณแม่ไปโอนที่ดินเป็นบ้านของแม่พ่อที่ซอยเย็นอากาศเป็นของตนเองจนคุณแม่ฝังใจว่ามันโอนเงินโอนที่แม่ไปจนหมด แม่ต้องตายแน่
         
          จุดสำคัญที่หมอไปร้องขอเป็นผู้อนุบาล เพราะพี่สุเทพไม่พาแม่ถนิมไปรักษาโรคที่เป็น ซื้อยาให้แม่กินเอง ซื้อยาที่คุณแม่เคยมีผลข้างเคียง (แอสไพริน) ให้กินแทนยา PLAUIX ที่มีราคาสูง ทำให้แม่ถนิมมีเลือดออกในกระเพาะช็อกจนต้องเข้า ICU เมื่อพาไปพบแพทย์ก็ปกปิดประวัติ เมื่อไม่ให้มีการบันทึกในเวชระเบียน ทำให้แพทย์ไม่รู้ประวัติการเจ็บป่วย หรือยาที่เคยแพ้ ทำให้คุณแม่อยู่ในภาวะที่อันตรายอย่างยิ่งต่อการเสียชีวิต
         
          พี่สุเทพได้ให้ทนายวิ่งเต้นติดต่อกับบิดาของท่านผู้พิพากษาในคดีเพื่อให้ช่วยเหลือ ท่านผู้พิพากษาให้ลงบันทึกไว้แล้วในคดีดังกล่าวว่าได้มีความพยายามวิ่งเต้นจริง พยายามไม่นำนางถนิมมาศาล เพราะเกรงศาลจะพบข้อเท็จจริงว่าคุณแม่เจ็บป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม เมื่อศาลเผชิญสืบก็แสดงอาการและคำพูดก้าวร้าวต่อท่านผู้พิพากษาจนมีการบันทึกพฤติกรรมของพี่สุเทพไว้ พี่สุเทพพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อมิให้หมอได้ดูแลคุณแม่ดังที่เคยทำมา ตลอดชีวิตความเป็นหมอที่มีความรู้ความชำนาญในทางอายุรศาสตร์ เพียงเพื่อเงินเท่านั้น
         
          วิถีทางสุดท้ายคือ ทำให้หมอขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้อนุบาล คือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เรื่องบ้านที่พบรถก็ไม่ใช่เป็นบ้านของหมอ กุญแจบ้านและโฉนดที่ทุกแปลง พี่สุเทพได้ขนย้ายไปเก็บไว้เอง หมอไม่เคยไปบ้านดังกล่าวเลยตั้งแต่ปี 2548 ที่คุณแม่เป็นโรคสมองเสื่อมรุนแรง และต้องการกลับไปเฝ้าบ้านเย็นอากาศ เพราะกลัวพี่สุเทพจะนำบ้านไปขาย หากติดตามข่าวตั้งแต่ต้นจะเห็นว่า พี่สุเทพเป็นคนนำกุญแจบ้านไปไขให้นายสว่างเข้าไปดูรถ นายสว่างก็เป็นลูกน้องของพี่สุเทพ ล้วนมีคดีติดตัวนับสิบคดี รวมทั้งคดีฆ่าคนตายด้วย นายสามารถก็มีคดีอาญาลักทรัพย์ และยาบ้าติดตัวอยู่
         
          น.ส.วิลสา ที่ไปให้การเป็นพยานในคดีอนุบาลแม่ถนิม พี่สุเทพได้พยายามผูกเรื่องให้เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อทำลายคนอื่น รวมทั้ง น.ส.สุชาสิณี หลานของตนเองแท้ ๆ
         
          การที่หมอมีอาวุธปืนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหมอเป็นนักกีฬายิงปืน มาตั้งแต่ 2533 ทดสอบอาวุธปืนได้เหรียญทองของตำรวจ นอกจากนั้นยังเป็นประธานกีฬายิงปืนสี่เหล่าถึงสี่สมัย สามารถตรวจสอบได้
         
          การพิจารณาว่าหมอเป็นผู้ผิดโดยจับตัวไปขังคุกไม่ให้ประกัน แล้วแจ้งข้อหาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ให้โอกาสนำพยานหลักฐานมาแสดงนั้น ไม่เป็นการยุติธรรม การพิจารณา ทว่าใครเป็นคนดี-เลว ต้องดูพฤติกรรมเดิม หมอพร้อมให้ตรวจสอบประวัติว่ามีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือไม่ รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด ทุ่มเทความรู้และเรี่ยวแรงเพื่อผู้ป่วยหรือไม่ ได้รับการยอมรับจากบุคลากรในองค์กรเลือกให้เป็นประธานองค์กรแพทย์จริงหรือไม่
         
          การนำพฤติกรรมของพี่ หรือบุคลิกในครอบครัวมาเปิดเผยเป็นเรื่องน่าละอาย หากคุณพ่อยังอยู่ (คุณพ่ออาศัยอยู่กับหมอจนเสียชีวิตในปี 2544) คงจะเสียใจ คำสั่งคุณพ่อ คุณแม่ ที่จะขอใช้ทรัพย์สินที่หามาได้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ สิ้นชีวิตแล้วลูกค่อยเอาไปแบ่งกัน ที่ทุกคนรู้ดีก็ถูกฝ่าฝืน ทุกคนแก่งแย่งทรัพย์สินของพ่อแม่ ไม่เคยคิดหากินด้วยตนเองทั้ง ๆ ที่พ่อ-แม่ให้ความรู้สูง ๆ
         
          รู้สึกเสียใจที่ต้องเปิดเผยพฤติกรรมของพี่ชายแท้ ๆ แต่เพื่อปกป้องตนเอง ชื่อเสียงที่สร้างมาตลอดชีวิต พี่ชายแท้ ๆ ที่คลานตามกันมา ทำลายน้อง ทำลายหลานแท้ ๆ เพื่อให้ได้สิ่งเดียวคือ เงิน คติพจน์ของคุณสุเทพคือ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ไม่มีหน่วยงานไหนปฏิเสธ เพียงแค่บ่นว่า ไม่พอ
         
          ลงชื่อ นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และขอรับรองว่าเป็นลายมือของนายสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ 8 ต.ค. 2555
         

หมายเหตุ
         
          พี่สุเทพมีโรงงานว่านหางจระเข้ขนาดใหญ่สร้างบนที่ดินที่หมอยกให้โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว มีคนงานไทยและพม่าเป็นจำนวนมาก ศศิธเรเป็นเด็กที่มารดาเก็บมาเลี้ยง มีส่วนในการยักยอกเงินของนางถนิม เป็นลูกจ้างนายสุเทพที่ให้ดูแลที่ดินหลังโรงงานและแปลงใกล้เคียง นายกะลาเป็นลูกน้องเก่าของพี่สุเทพ มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีคดีฆ่าคนตาย เคยจำคุกเพชรบุรี มีหมายจับคดีลักทรัพย์ พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่กะลาพูดทั้งหมดเป็นเรื่องที่พี่สุเทพสร้างขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ตนเองกระทำเรือนจำเพชรบุรี
    
จันทร์ 8 ต.ค.55

เรียน ผบ.เรือนจำเพชรบุรี

         
          ข้าพเจ้านายอานนท์ เจริญชอบ อยู่ตรงข้ามบ้านหมอและเป็นเพื่อนกับนายกะลา นายกะลาเคยมากินเหล้าที่บ้านอยู่เป็นประจำ วันที่นายกะลาแขนขาดได้กินเหล้ากับข้าพเจ้าจนเมาแล้วไปรับจ้างพี่อ้อยโม่ข้าวโพด มือเลยเข้าไปในเครื่อง หลังไปรักษาหายได้ชวนข้าพเจ้าไปลักปืนในบ้านหมอ บอกว่าเคยลักปืนไปแล้วหมอไม่รู้ ให้เก็บปืนไว้ในช่องใต้หลังคา ข้าพเจ้าจึงไปกับกะลาลักปืนไปขาย 9 กระบอก และกะลาเอาปืนไป 1 กระบอก เป็นปืนลูกซองและเงินส่วนแบ่ง นายกะลาเมาเคยเล่าให้ฟังว่า หลังหลุดคดีฆ่าคนตายออกจากคุกไปหาเมีย พบว่า เพื่อนที่โรงงานว่านหางจระเข้ มาเอาเมียไปข่มขืน จึงยิงเพื่อนตาย และแอบเอาไปฝังไว้ ขอให้ช่วยบอกหมอและตำรวจด้วย

          นายอานนท์ เจริญชอบ

          ขอรับรองว่า น.ช.อานนท์ เจริญชอบ ถูกคุมขังภายในเรือนจำกลางเพชรบุรีจริง และได้เขียน จม.ฉบับนี้จริง
 
          (นายสมพงษ์ แสงมณี) หัวหน้าฝ่ายควบคุมและรักษาการณ์ 8 ต.ค.2555

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กลับตาลปัตร! หมอสุพัฒน์ เขียนจดหมายแฉพี่ชายจัดฉาก คิดฆ่าแม่ โพสต์เมื่อ 8 ตุลาคม 2555 เวลา 15:03:01 2,425 อ่าน
TOP