เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
พนักงาน อสมท แฉ สรยุทธ เสนอให้ส่วนแบ่ง 2% ช่วยอมเงินโฆษณา 138 ล้าน ยัน สรยุทธ รู้ดีว่ามีโฆษณาเกิน เมื่อ อสมท ทราบ ก็ยอมจ่ายคืนให้แต่โดยดี
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด พนักงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญา ฐานไม่รายงานโฆษณาเกินเวลาของ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด จำนวน 138,790,000 บาท ได้เข้าให้ปากคำต่อ ป.ป.ช. ถึงคดีดังกล่าว โดยยืนยันว่า นายสรยุทธ ทราบแน่นอนว่ารายการคุยคุ้ยข่าวมีการโฆษณาเกินเวลา เพราะนายสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการทุกวัน ต้องทราบดีว่าในแต่ละวันที่ออกอากาศจะมีโฆษณาเป็นจำนวนเท่าไหร่ ระยะเวลาแค่ไหน มีส่วนเกินไปเท่าไหร่ คิดเป็นรายได้เท่าใด เพราะบริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีรายได้จากการโฆษณาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นางสาวพิชชาภา กล่าวต่อว่า หลังจากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ทราบว่ามีโฆษณาส่วนเกิน นายสรยุทธก็ได้บอกให้เลขานุการส่วนตัว ชื่อ คุณแก้ว มาขอร้องให้ตนลบรายการโฆษณาส่วนเกินของรายการคุยคุ้ยข่าวในใบคิวโฆษณาออก พร้อมกับยืนยันว่า หากมีอะไรนายสรยุทธจะช่วยเหลือไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน และนายสรยุทธยังใช้โทรศัพท์ของเลขานุการมาขอให้ตนช่วยเหลือไม่ต้องแจ้งโฆษณาส่วนที่เกินเวลาไปให้ทาง อสมท ทราบ พร้อมกับเสนอจะจ่ายค่าตอบแทนให้ตนร้อยละ 2 ของค่าโฆษณาเกินเวลาที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด จะไม่ต้องจ่ายให้กับ อสมท
ทั้งนี้ นางพิชชาภา ก็ได้ช่วยเหลือนายสรยุทธไป และทางนายสรยุทธก็ได้จ่ายเงินตอบแทนมาให้ตามที่รับปากไว้ โดยลงนามเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระราม 2 หลังจากนั้นก็มีการจ่ายเงินให้นางพิชชาภาอีกประมาณ 8 ครั้ง แต่ครั้งหลัง ๆ นางพิชชาภาได้เงินไม่ตรงตามจำนวนที่รับปากไว้ และไม่ได้จ่ายให้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนางพิชชาภาไม่ได้เรียกร้องอะไร เพราะถือว่าเป็นการตกกระไดพลอยโจนช่วยเหลือกันไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นางพิชชาภา ระบุอีกว่า ภายหลัง อสมท ตรวจสอบพบ เพราะตนลบรายการโฆษณาส่วนเกินในใบคิวไม่หมด ทาง อสมท จึงให้นายสรยุทธมาชำระค่าโฆษณาส่วนเกิน ซึ่งนายสรยุทธก็ยินยอมชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้กับทาง อสมท ในทันที เพราะจำนนต่อหลักฐาน
ทั้งนี้ นางพิชชาภา ยังยืนยันต่อ ป.ป.ช. ด้วยว่า รู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป เพราะสร้างความเสียหายให้แก่ทางราชการ และ อสมท พร้อมกับต้องการเห็นความเป็นธรรมในสังคม ขณะที่การทำธุรกิจดังกล่าวของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด นั้น ถือเป็นการเอาเปรียบ อสมท และไม่ใช่การดำเนินธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา
สรยุทธ เบี้ยวแจงทุจริตไร่ส้ม อ้างไม่ได้รับเอกสารเชิญ
สรยุทธ สุทัศนะจินดา ไม่เข้าชี้แจงคดีทุจริตไร่ส้ม โดยอ้างว่าไม่ได้รับจดหมายเชิญ จนต้องมีการเรียกตัวมาใหม่ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ขณะที่ ปุระชัย จี้ ช่อง 3 ลงดาบทันที โดยไม่ต้องรอชี้มูลความผิด
เมื่อวานนี้ (24 ตุลาคม) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานฯ ได้พิจารณาศึกษาการทุจริตเงินค่าโฆษณาระหว่างบริษัทไร่ส้ม จำกัด กับ บมจ.อสมท โดยเชิญตัวแทนจาก อสมท, สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาชี้แจงต่อ อนุ กมธ. แต่ปรากฏว่านายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด กลับไม่มาเข้าร่วมการชี้แจงดังกล่าว โดยอ้างว่าไม่ได้รับเอกสารเชิญ
ต่อมา นายวชิร สงบพันธ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า หลังการชี้มูลความผิด ป.ป.ช. กำลังรวบรวมเอกสารเพื่อยื่นต่ออัยการสูงสุด (อสส.) ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้องบริษัท ไร่ส้ม ต่อไป รวมทั้งจะส่งเรื่องให้ช่อง 3 ให้พิจารณาความผิดทางวินัยของนายสรยุทธ พร้อมยืนยันว่า การไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. ไม่ได้ล่าช้า เพราะมีการแสวงหาข้อเท็จจริงในเชิงลึก จนมีเอกสารหลักฐานมากกว่าที่ อสมท ได้ส่งเรื่องมา ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายสรยุทธ ไม่เคยมาให้ข้อมูลแก่ ป.ป.ช. ด้วยตัวเอง แต่มักมอบหมายให้ทนายความมาชี้แจงแทน
ด้าน น.ส.อรวรรณ ชูดี รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์ และเป็นบทเรียนสำหรับ อสมท ในการตรวจสอบการทุจริตการโฆษณาให้เข้มข้นมากขึ้น และจากนี้จะไม่ปล่อยให้มีผู้รับผิดชอบเรื่องการโฆษณาเพียงคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้ใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง แต่เมื่อมีการตรวจสอบเกิดขึ้นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ในองค์กร
ทั้งนี้ นายคชาชาญ มงคลเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ชี้แจงว่า ในฐานะสื่อมวลชนช่อง 3 ยึดตามมาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพข่าวเสมอ ทั้งนี้ ช่อง 3 มีการบริหารงานเป็นระบบครอบครัว ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นในส่วนช่อง 3 เป็นในช่วงปลายน้ำ แต่ต้นน้ำ คือ ช่อง 9 ตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูล ซึ่งนายสรยุทธ ต้องต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และหากมีความผิดจริง นายสรยุทธก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าช่อง 3 มีมูลค่าการตลาดสูงขึ้น ในเรื่องข่าวและพิธีกรข่าว ซึ่งเป็นผลจากความสามารถดำเนินรายการของนายสรยุทธ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุม อนุ กมธ. เป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อนายอภิชาติ ครุฑทอง อนุ กมธ. ตั้งคำถามว่า กรณีของนายสรยุทธ ที่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทางจริยธรรมทางวิชาชีพนั้น จึงเปรียบเสมือนการพายเรือให้โจรนั่ง หากินในคราบนักข่าว หรือเปิดโอกาสรวยทางลัดหรือไม่ ส่งผลให้นายวัชระ ขอให้นายอภิชาติถอนคำพูดในเชิงกล่าวหาดังกล่าว
ขณะที่ สร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ ได้เปรียบเทียบวิชาชีพข่าว กับวิชาชีพการแพทย์ ซึ่งหากพบความผิดทางจริยธรรมก็จะมีพักใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ หรือว่ากล่าวตักเตือน จึงไม่เห็นด้วยกับช่อง 3 ที่ต้องรอให้ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วค่อยดำเนินการ ทั้งนี้นายวัชระ ได้นัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยจะเชิญนายสรยุทธ และตัวแทนบริษัทไร่ส้ม มาชี้แจงเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งจะเชิญ ผู้แทนอัยการสูงสุด และนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการฯ หากนายสรยุทธ ไม่มาชี้แจงต่อ กมธ.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, สำนักข่าวอิศรา