กิตติรัตน์ สวน จำนำเจ๋งกว่าประกันข้าว ไม่ต้องกู้ 1.5 แสนล้านโปะ (ไทยโพสต์)
กิตติรัตน์ เผย รัฐบาลอาจไม่ต้องกู้เงินมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ตอกกลับคนวิจารณ์รับจำนำข้าวไม่เวิร์ก ตอกกลับโครงการประกันราคาก็ขาดทุนเละ 1.3 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลได้อนุมัติกรอบวงเงินกู้สำหรับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไว้ 1.5 แสนล้านบาท จากงบประมาณที่คาดว่าจะต้องใช้ 2.4 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวนาปี ฤดูการผลิต 2555/56 ล่าสุด มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะไม่ต้องกู้เงินมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวนาปี ฤดูการผลิต 2555/56 เนื่องจากมีแนวโน้มว่ากระทรวงพาณิชย์จะสามารถระบายข้าวในสต็อกได้อย่างต่อเนื่อง และจะนำเงินดังกล่าวมาหมุนเวียนใช้ในโครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาลดังกล่าวได้
โดยนายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลสามารถบริหารจัดการโครงการรับจำนำได้ โดยในปีที่ผ่านมาที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ใช้เงินในการรับจำนำ 4.1 แสนล้านบาท แต่ใช้จริงไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อรวมกับเงินที่ต้องจัดหาใหม่เพื่อมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวล่าสุด 1.5 แสนล้านบาท ยังไม่เกินกรอบวงเงินเดิมที่รัฐบาลเคยอนุมัติไว้ เพราะรัฐบาลนำเงินจากการขายข้าวที่รับจำนำเมื่อปีการผลิตที่ผ่านมาใช้หมุนเวียนสำหรับการรับจำนำรอบใหม่อีกรอบ
สำหรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น ยังเป็นประเด็นเดิม ๆ ไม่มีเรื่องใหม่ ๆ ออกมา ว่าทำให้เกิดความเสียหาย แต่ข้อเท็จจริงพบว่าการรับประกันราคาข้าวที่ราคา 1 หมื่นบาท/ตันข้าวเปลือก ในช่วง 2 ฤดูกาลนั้น สร้างผลเสียขาดทุนถึง 1.3 แสนล้านบาท แม้ว่าตั้งงบประมาณชดเชยผลขาดทุนไปแล้ว 9 หมื่นล้านบาท รัฐบาลชุดนี้ยังต้องตั้งงบประมาณชดเชยให้อีก 4 หมื่นล้านบาท โดยผลขาดทุนดังกล่าวนั้นไม่มีข้าวเหลือให้เห็นเลยซักเม็ดเดียว ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวยังมีข้าวเหลือให้เห็นในสต็อก ดังนั้น จึงอยากให้ผู้วิจารณ์ถึงโครงการรับจำนำข้าวว่าจะขาดทุนเท่านี้เท่านั้นไม่คุ้มต่อการดำเนินการ จึงอยากให้รอดูว่าท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร
ด้าน นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ในการเร่งระบายข้าวหอมมะลิต้นฤดู ซึ่งเป็นข้าวที่มีคุณภาพสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ประกอบกับเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิด้วย ซึ่งทางสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้ให้การตอบรับที่จะร่วมมือในการระบายข้าวหอมมะลิในครั้งนี้
ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้ตัวเลขการส่งออกข้าวไทย จะได้ไม่ถึง 8.5 ล้านตัน ตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะส่งออกได้เพียง 7.5 ล้านตันเท่านั้น แต่ไทยจะมีมูลค่าการส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก เมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกข้าวทั้งหมด โดยในตอนนี้ไทยได้ส่งออกข้าวได้รวม 5.5 ล้านตัน มีมูลค่า 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้น18 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปริมาณเท่ากันของปี 2554
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงมีแผนระบายข้าวอย่างต่อเนื่อง และจะส่งมอบให้กับประเทศคู่ค้าที่ทำสัญญาซื้อข้าวไทย ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ไว้ทั้งหมด 6 สัญญา โดยจะทำการส่งมอบได้ตามที่กำหนดในสิ้นปีหน้า ซึ่งประเทศไอวอรี โคสต์ คาดว่าจะส่งมอบได้หมดในสิ้นปีนี้ เนื่องจากปริมาณส่งมอบน้อย และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาค้าขายแบบจีทูจีกับอีก 2-3 ประเทศ ส่วนในการระบายข้าว ในรูปแบบเปิดให้เอกชนประมูล ให้กับเอกชน ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์กำลังอยู่ในช่วงจัดเตรียมแผนในการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล ซึ่งปริมาณคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 5 แสนตัน เหมือนครั้งที่ผ่านมา ซึ่งราคาก็ยังยึดราคาตลาดเป็นหลัก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
