เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แถลงการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดุสิต และมีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ที่มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินการรักษาความปลอดภัย ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน-30 พฤศจิกายน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีความเลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหา โดยวิธีการตามระบอบประชาธิปไตย ผ่านเวทีรัฐสภา ที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรัฐบาลมาโดยตลอด และกำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอีกไม่กี่วัน โดยตัวนายกรัฐมนตรีเอง พร้อมที่จะรับฟังและชี้แจงทุกข้อกล่าวหา และเนื่องจากตนเอง เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงขอยืนยันว่า ทุกเรื่องที่รัฐบาลตัดสินใจนั้น ได้ยึดถือเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตย ไม่ใช่เพียงเรื่องของสิทธิเสรีภาพเท่านั้น แต่ยังต้องมีความเป็นระบบระเบียบ ดำรงหลักนิติรัฐ นิติธรรม มีกฎกติกา และไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น
การชุมนุมหรือเรียกร้องใด ๆ นั้น เข้าใจว่ามาจากพื้นฐานในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งสามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตามที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ผู้ชุมนุมต้องชุมนุมอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ อยู่ในกรอบของกฎหมาย และนายกรัฐมนตรี ก็พร้อมที่จะรับฟังปัญหา และแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน แต่ฝ่ายความมั่นคงได้รายงานมาว่า หากการชุมนุมในครั้งนี้นั้น ได้มีการระดมคนเป็นจำนวนมาก เพื่อที่ต้องการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย พร้อมใช้แนวคิดที่เป็นความรุนแรง บุกรุกสถานที่สำคัญ สร้างความวุ่นวายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ และเป็นภัยต่อชีวิตประชาชน รัฐบาล ก็ย่อมมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไป
ด้านกลไกการรักษาความปลอดภัยนั้น รัฐบาลไม่สามารถรับรองได้ มติคณะรัฐมนตรี จึงได้ออกมาตรการเพื่อให้สามารถป้องกันและระงับภัยที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ก็จะบูรณาการรักษาความปลอดภัยในสถานการณ์คับขัน และการปฏิบัติต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างรอบคอบ ปราศจากอาวุธ ตามหลักสากล
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชน หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางบริเวณที่มีการชุมุนม เพื่อความสงบเรียบร้อย และมาตรการต่าง ๆ จะเน้นเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก หากเหตุการณ์ดีขึ้น ก็จะยกเลิกมาตรการเหล่านั้นทันที และนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า การลดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง เป็นพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของสังคม พร้อมขอบคุณที่ให้โอกาสในการทำงานกว่า 1 ปี และสนับสนุนทุกกำลังใจที่มีมาให้ พร้อมสัญญาว่า จะตั้งใจทำงานให้สุดความสามารถมากที่สุด
[22 พฤศจิกายน] นายกฯ เตรียมออกทีวีชี้แจงวันนี้ กรณีประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เตรียมชี้แจงผ่านโทรทัศน์ในช่วงเย็นวันนี้ (22 พฤศจิกายน) หลังประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ 22-30 พฤศจิกายน เพื่อคุมสถานการณ์ชุมนุม ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เตือนรัฐบาลให้ปรับท่าที หวั่นเพิ่มความตึงเครียด
หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (22 พฤศจิกายน) มีมติให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 22-30 พฤศจิกายน ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดุสิต และเขตพระนคร เพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า นั้น
ล่าสุด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้าประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.00 น. เพื่อกำหนดรายละเอียดในการบังคับใช้ รวมทั้งจะมีการประกาศชี้แจงกับประชาชนอีกครั้งทางช่องโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ในช่วงเย็นวันนี้
ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แสดงความกังวลเรื่องข่าวที่จะมีการจับตัวนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ว่าเป็นข่าวที่ให้ความกังวลมาก และคาดว่าผู้เข้าชุมนุมจะมีประมาณ 50,000 คนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 1 ล้านคน ส่วนการประเมินความรุนแรงของสถานการณ์จะพิจารณาจาก อุปกรณ์ในการชุมนุม รวมถึงท่าทีอื่น ๆ ด้วย
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลให้ข่าวที่น่ากลัว และตึงเครียด ต่อการชุมนุมดังกล่าว โดยที่ตนก็ไม่ทราบเหตุผล ซึ่งรัฐบาลควรมีท่าทีในการดูแลความเรียบร้อยให้กับผู้ชุมนุม หากเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เพราะเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่หากสั่งการในลักษณะสกัดกั้นจะยิ่งเพิ่มตึงเครียด และไม่เป็นผลดี ตนจึงอยากเห็นรัฐบาลปรับท่าที ไม่ตอบโต้ อีกทั้งอยากขอร้องผู้ชุมนุมว่าขอให้อยู่ในกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้เช่นกันว่า การประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาการประกาศควบคุมสถานการณ์แต่ละครั้ง ก็ไม่สามารถควบคุมม็อบได้ อีกทั้งยังเหมือนเป็นการท้าทายให้มีการร่วมชุมนุมมากขึ้นด้วย
ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ 22-30 พ.ย. รับมือชุมนุม
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในเขตป้อมปราบฯ เขตพระนคร และเขตดุสิต ในวันที่ 22-30 พฤศจิกายน เพื่อดูแลความสงบของการชุมนุม
ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เปิดเผยว่า ที่ประชุม สมช. ซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อ ครม.ย่อย เพื่อขอประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในการดูแลการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม โดยจะประกาศใช้ในระยะเวลาไม่เกิน 10 วัน ในพื้นที่ 3 เขตของกรุงเทพมหานคร คือ เขตพระนคร, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต ซึ่งทางเหล่าทัพก็เห็นด้วย
ล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการเปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3 เขต คือเขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต
โดยจะใช้ระหว่างวันที่ 22-30 พฤศจิกายน นี้ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุม ของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก