เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สมจิตต์ นวเครือสุนทร
สมจิตต์ ฝาก 3 คำถามถึง นายกฯ บอก เสธ.อ้าย ประกาศชัดไม่มีความรุนแรง ทำไมถึงคิดว่าชุมนุมนี้เกินขอบเขตรัฐบาล ทั้ง ๆ ที่ชุมนุมเมื่อปี 2553 มีทั้งกองกำลังติดอาวุธ และเผาเมือง ด้วยฝีมือแกนนำเองทั้งสิ้น
วันนี้ (23 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร นักข่าวสาวช่อง 7 ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ในหัวข้อ "ขอสามคำถามถึงนายกรัฐมนตรี" โดย นางสาวสมจิตต์ ระบุว่า ขอสามคำถามถึงนายกรัฐมนตรีผ่านเฟซบุ๊ก และอยากทราบว่า เพื่อน ๆ มีสามคำถามไหนที่อยากถามนายกฯ มากที่สุด
1. การประกาศใช้ พ.ร.บ. มั่นคงฯ โดยอ้างการข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคุกคามและต้องการล้มล้างประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจะสวนทางกลับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในวันเดียวกันว่า "การชุมนุมดังกล่าวไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่"
2. นายกฯ ให้เหตุผลว่ากลไกสภาจะทำหน้าที่แก้ปัญหาและกำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยรัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจง แต่ในวันดียวกันสภาล่ม เพราะไม่มีรัฐมนตรีไปตอบกระทู้สดเรื่องความไม่สงบในภาคใต้ และ ส.ส.รัฐบาล ไม่ให้ความสำคัญกับการประชุมสภา จนองค์ประชุมไม่ครบต้องปิดประชุมตอนประมาณ 14.00 น. พฤติกรรมลักษณะนี้ จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่า นายกฯ ให้ความเคารพต่อระบบรัฐสภา และการเมืองในสภาจะแก้ปัญหาได้
3. การระบุว่า การชุมนุมสามารถทำได้ตามขอบเขตของรัฐธรรมนูญ คือ ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ท่านคิดว่าการชุมนุมในปี 2552 ล้มการประชุมอาเซียน และ ปี 2553 ที่มีกองกำลังติดอาวุธและเกิดการเผาเมือง โดยแกนนำเป็นผู้ปลุกปั่นยุยงให้มวลชนใช้ความรุนแรง เป็นการกระทำที่เกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และในวันที่ท่านไปร่วมชุมนุมเท่ากับท่านก็คือส่วนหนึ่งของการทำผิดกฎหมายด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ หากเทียบกับการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งแกนนำประกาศชัดว่าจะไม่มีการเคลื่อนที่ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่บุกสภา สถานที่ราชการ แต่ใช้จำนวนมวลชนกดดันรัฐบาลแทน ทำไมท่านจึงคิดว่าการชุมนุมเช่นนี้ เกินขอบเขตรัฐธรรมนูญ และมีการสร้างภาพจากรัฐบาลว่าการชุมนุมจะเกิดความรุนแรง จนอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม