เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva และ เฟซบุ๊ก สุเทพ เทือกสุบรรณ
DSI แจ้งข้อหา อภิสิทธิ์-สุเทพ สั่งฆ่า พัน คำกอง คนขับแท็กซี่เสื้อแดง นัดให้ทั้งสองคนเข้าชี้แจง 12 ธ.ค. นี้ ด้าน ธาริต เผย ยังเหลืออีกกว่า 30 คดี รอศาลชี้ขาดค่อยแจ้งข้อหาเพิ่มเป็นรายคดีไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ธันวาคม) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นัดประชุมความคืบหน้าคดีการสลายการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนเสียชีวิต 99 ศพ ซึ่งเมื่อเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา การประชุมได้จบลงแล้ว และทางคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตผู้อำนวยการ ศอฉ. ฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาและเล็งเห็นผล ในคดีที่นายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เสียชีวิต โดยศาลระบุว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะนัดหมายให้ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เข้ามารับทราบข้อกล่าวดังกล่าวในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ เวลา 14.00 น.
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ศาลได้ไต่สวนคดีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ภายใต้คำสั่งของ ศอฉ. และส่งสำนวนมายังดีเอสไอเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ซึ่งทางดีเอสไอเห็นว่าเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว อีกทั้งหลักฐานก็เพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหา จึงได้มีความเห็นให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ตามกฎหมายมาตรา 83, 84 และ 288 เพราะหากปล่อยให้เนิ่นนานไปโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหากับใคร จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของดีเอสไอ ทำให้ถูกมองว่าไม่เป็นมืออาชีพทั้งที่ศาลก็ไต่สวนเรียบร้อยแล้ว
อธิบดีดีเอสไอ ยังบอกด้วยว่า คดีของนายพัน คำกอง เป็นคดีแรกที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และยังมีคดีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์การสลายการชุมนุมอีกกว่า 30 คดี ซึ่งอยู่ในกระบวนการของศาล หากศาลมีคำสั่งออกมาในทิศทางเดียวกัน ดีเอสไอก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเป็นรายคดีไป ซึ่งในที่นี้ยังไม่รวมข้อหาพยายามฆ่า อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกกล่าวหาสามารถแจ้งให้ดีเอสไอไปสอบพยานเพิ่มได้ หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
