เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนอวดผี โพสต์โดย คุณ Socialvio สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
หลายคนคงจำข่าวที่ น้องกอหญ้า เด็กน้อยวัย 3 ขวบ นอนกอดศพ นางอรณัชดา ไทยสกุลทอง อายุ 35 ปี ผู้เป็นแม่ ที่ป่วยเป็นโรคลมชักและเสียชีวิตคาเตียงนอนมาแล้วประมาณ 3 วันได้ เพราะเป็นภาพที่ดูแล้วน่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าที่ทำเอาผู้ติดตามข่าวอดขนลุกไม่ได้ก็คือ น้องกอหญ้า ยืนยันว่า แม่ของเธอเป็นคนชงนมให้และยังเปิดประตูให้ด้วย รวมทั้งนอนกล่อมเธออยู่ทุกคืน ทั้งที่แม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้ว!
เพื่อคลายความสงสัย รายการคนอวดผี ช่วงศูนย์บรรเทาทุกข์ผี เมื่อคืนวันที่ 12 ธันวาคม จึงได้เชิญ น้องกอหญ้า และ คุณชุ จุฑามนต์ ไทยสกุลทอง ป้าแท้ ๆ ของน้องกอหญ้ามาร่วมพูดคุยถึงเรื่องนี้
เริ่มต้น คุณชุ เล่าเหตุการณ์วันที่พบศพของน้องสาวให้ฟังว่า ที่บริษัทของน้องสาวโทรศัพท์มาบอกว่า น้องสาวไม่ไปทำงาน 3 วันแล้ว เธอจึงไปหาน้องสาวที่บ้านแล้วก็เจอน้องกอหญ้ายืนเกาะประตูอยู่หน้าบ้าน แล้วหันมาเรียกเธอ เธอจึงถามไปว่า "กินข้าวหรือยัง" น้องก็ตอบว่า "กินแล้ว หม่าม้าหาให้" ซึ่งตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าน้องสาวเสียชีวิตไปแล้ว เลยถามหลานต่อไปว่า "หม่าม้าไปไหน" น้องกอหญ้าได้ตอบคำถามอย่างไร้เดียงสาว่า "หม่าม้าไม่สบาย นอนอยู่ข้างบน หม่าม้าเลือดไหล"
พอได้ยินคำนี้ คุณชุ บอกว่าเธอก็รู้สึกใจไม่ดีแล้ว จึงปีนรั้วเข้าไปในบ้าน เพราะตะโกนเรียกน้องก็ไม่ออกมา พร้อมกับเรียกเพื่อนบ้านให้เข้ามาด้วย ซึ่งเพื่อนบ้านก็ขึ้นไปเห็นศพของน้องสาวนอนอยู่ จึงโทรศัพท์เรียกมูลนิธิ และบอกไม่ให้เธอพาหลานขึ้นไป
คุณชุ บอกอีกว่า ที่น่าแปลกใจก็คือสภาพของหลานสาวเหมือนไม่ใช่คนที่ไม่อาบน้ำมาแล้ว 3 วัน แต่เหมือนเพิ่งอาบน้ำมาเมื่อเช้า ส่วนเสื้อของน้องก็เปื้อนเลือดแห้ง ๆ ไปทั้งตัว คาดว่าหลานคงนอนกอดศพแม่ตลอด และหลังจากยายและแม่เสียในเวลาไล่เลี่ยกัน น้องกอหญ้าก็กลายเป็นคนเงียบ แทบไม่พูด ไม่กินเลย จากก่อนที่เป็นเด็กร่าเริง
ด้านน้องกอหญ้าพูดอย่างไร้เดียงสาว่า วันนั้นหม่าม้าเป็นคนชงนมให้ เล่นกับเธอด้วย และยังเป็นคนเปิดประตูบอกให้เธอไปหาอาอี๊ (ป้า) ซึ่งก็หมายถึง คุณชุ น้องยังบอกด้วยว่า หม่าม้าบอกว่าจะไปโรงพยาบาล
คุณชุ บอกว่า จากที่น้องกอหญ้าบอก ทำให้เธอเชื่อว่า แม่ของน้องกอหญ้ายังอยู่วนเวียนรอบตัวน้อง และเธอยังได้กลิ่นศพ กลิ่นธูปตามไปที่บ้านด้วย จนกระทั่งวันนี้ แม่ของน้องกอหญ้าก็ยังอยู่กับลูก เพราะน้องกอหญ้าบอกเสมอว่า หม่าม้ายังมานอนอยู่ด้วยทุกวัน ทำให้เธอรู้สึกกลัวต้องนำยันต์มาปิดหน้าบ้าน และจนถึงขณะนี้เธอก็ไม่ได้บอกหลานว่า แม่เสียชีวิตไปแล้ว แต่บอกอ้อม ๆ ว่า แม่ไปอยู่บนสวรรค์กับยายแล้ว
และเพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้ คุณชุ ทางรายการก็ได้เชิญ ริว จิตสัมผัส มาร่วมพูดคุยด้วย โดย ริว จิตสัมผัส บอกว่า เขาได้ยินเสียงร้องไห้อยู่ด้านนอกสตูดิโอ และนั่นก็คือเสียงร้องไห้ของคุณแม่น้องกอหญ้า จึงได้ถามน้องกอหญ้าว่าเห็นหม่าม้าหรือไม่ เด็กน้อยก็ได้พยักหน้าที่แสดงความหมายว่า ใช่ และคุณแม่ก็ยืนอยู่ข้างหลังของ ริว นั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ริว จิตสัมผัส ก็ได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากคุณชุ และจุดธูปหนึ่งดอก เพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณมาสื่อสารกัน ก่อนที่ ริว จะพูดกับคุณชุว่า วิญญาณของคุณแม่น้องกอหญ้าอยากขอให้คุณชุช่วยดูแลน้องกอหญ้าแทนได้ไหม อย่าคิดว่าเด็กคนนี้นำความไม่ดีเข้ามาในบ้าน ขอให้เด็กคนนี้ได้เติบโตขึ้น ให้คุณชุได้เป็นแม่เขาอีกคน เพราะจากบ้านเลขที่ของคุณชุ แสดงให้เห็นว่า คุณแม่ของน้องกอหญ้าได้ฝากความห่วงหาอาทรไว้ให้ อย่าคิดว่าเด็กคนนี้นำเรื่องเดือดร้อนเข้ามาในบ้าน เขาขอฝากเด็กคนนี้ไว้ด้วย เพราะนี่คือสิ่งสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ ที่เขาไปอย่างหมดห่วงไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าคุณชุมีความรู้สึกบางอย่างในเรื่องนี้
ด้านคุณชุ บอกว่า เธอตั้งใจจะดูแลน้องกอหญ้าให้เหมือนกับ น้องผิง ลูกสาวของตัวเอง คือกินเหมือนกัน เรียนเหมือนกัน แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะต้องมากขึ้นตามไปด้วย แต่จะเลี้ยงไม่ให้เหมือนกันก็คงไม่ได้ ยอมรับว่า ในตอนแรกเรามีความรู้สึกนิดหนึ่งว่าพอเขาออกมาแล้วมีแต่เรื่องแต่ราว แต่ก็เป็นความรู้สึกแค่นิดเดียวจริง ๆ แล้วพอไปเห็นเขาวันแรกที่รู้ว่าแม่เขาเสีย ก็พูดต่อหน้าศพน้องสาวเลยว่า ไม่ต้องห่วง จะดูแลน้องกอหญ้าอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่แล้ว
คุณชุ เปิดใจต่อว่า ยอมรับว่ามีหลายคนพูดกันมากว่า เจ้ากรรมนายเวรของน้องแรง เพราะคุณยายก็เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนกันยายน นี่แม่ก็มาเสียชีวิตอีกเมื่อเดือนพฤศจิกายน เราก็อดกลัวไม่ได้ เพราะลูกเราก็เพิ่งจะ 2 ขวบ ถ้าเราเป็นอะไรไป แล้วลูกจะทำอย่างไร แต่เราก็ไม่ได้คิดจะทิ้งน้องกอหญ้า
ถึงตรงนี้ ริว กล่าวเสริมว่า สิ่งที่แม่ของน้องกอหญ้าเป็นห่วงก็คือ กลัวว่าลูกสาวจะเติบโตมาโดยมีรอยด่างพร้อยคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุทำให้แม่และยายเสียชีวิต เขาจึงอยากขอให้คุณชุเลิกคิดเรื่องนี้ รวมทั้งคนในบ้านด้วย เพราะการที่คนพูดกันไม่เลิก แม้กระทั่งคุณชุก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับตัวเองไหม แล้วเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเติบโตขึ้นเกิดไปเจอคนรอบข้างที่พูดกันแบบนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
"เขาไม่ได้คิดมาทำร้ายใคร สิ่งที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้คือสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ พอเขารู้สึกว่าหากคนในบ้านมีใครคิดแบบนี้ เขาจึงต้องปกป้องลูก เหมือนที่คุณชุกำลังปกป้องลูกสาวตัวเองเช่นกัน สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือการมาหา เพื่อจะดูแลลูก ปลอบใจลูกแค่ในฝัน แต่หากวันนี้คุณชุตั้งใจ ช่วยให้ทุกคนในบ้านไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ลบเลือนเรื่องราวทุกอย่าง เด็กคนนี้จะได้เติบโตขึ้นมาในความรู้สึกที่คุณชุเป็นแม่ถาวร หากทำได้ เขาก็จะไปอย่างหมดห่วง" ริว กล่าว
ริว จิตสัมผัส ยังแนะนำด้วยว่า หากเด็ก ๆ ในบ้านรู้สึกกลัวเรื่องวิญญาณ ก็ขอให้คุณชุจุดธูป ไหว้พระ บอกเขาว่า ถ้าเกิดมาก็ขอให้น้องกอหญ้าคนเดียวที่รับรู้ ให้เด็ก ๆ ในบ้านใช้ชีวิตตามปกติ เรื่องนี้ทำให้ตนรู้สึกซึ้งใจในความรักที่แม่มีต่อลูกมาก เพราะเด็กน้อยคนเดียวจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านได้อย่างไรตั้ง 3 วัน หากแม่ไม่ช่วย นี่คือความรักของคนเป็นแม่ ในช่วงจิตสุดท้ายก่อนที่เขาจะไปตามกรรมของเขา นี่ก็คือสิ่งเดียวที่แม่จะทำให้ลูกได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้กลับไปเอายันต์ออก เขาไม่ได้อยากทำร้ายใครทั้งสิ้น เขามาเพราะรักลูก
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ คุณชุ จึงรับปากกับน้องสาวว่า จะดูแลน้องกอหญ้าเหมือนลูกของตัวเองเท่าที่ตัวเองจะทำได้ แต่ต้องขอเวลาหน่อย เพราะการที่ต้องเลี้ยงดูเด็กผู้หญิง 2 คน ในวัยไล่เลี่ยกันเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่ง ริว จิตสัมผัส ก็บอกให้คุณชุหนักแน่น เพราะถ้าคุณชุดูแลเด็กคนนี้ให้ได้เติบโตอย่างอบอุ่นและมีความสุข คุณชุจะได้สิ่งดี ๆ ตอบแทนกลับมาเป็นร้อยเท่า และจะทำให้ชีวิตของคุณชุมีความสุขอย่างที่คาดไม่ถึง
หลังอัดรายการเสร็จ ริว ก็ยังได้เข้ามาพูดคุยกับ คุณชุ เพิ่มเติม โดยคุณชุยอมรับว่า ตอนแรกรู้สึกโกรธที่คุณริวพูดแรง แต่ฟังไปฟังมาเหมือนกับคำพูดนี้ถอดมาจากนิสัยของน้องสาวเลย เพราะเขาเป็นคนที่พูดลักษณะนี้ ยอมรับว่ารู้สึกตกใจที่น้องสาวพูดว่า "อย่าคิดว่าเด็กคนนี้นำความไม่ดีเข้ามาในบ้าน" เพราะเป็นสิ่งที่เธอกำลังเป็นห่วงอยู่จริง ๆ และก็ห่วงลูกตัวเองด้วย ซึ่ง ริว จิตสัมผัส บอกด้วยว่า หลังจากได้ฟังการสนทนาในวันนี้ คุณแม่ของน้องกอหญ้าก็จะได้ไปอย่างหมดห่วงแล้ว
