เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ rt.com รายงานว่า รัสเซียกำลังเผชิญสภาพอากาศหนาวจัดที่สุดในรอบ 70 ปี โดยบางพื้นที่อุณหภูมิติดลบถึง 50 องศาเซลเซียส ในขณะที่ประชาชนทนหนาวไม่ไหว เสียชีวิตแล้ว 45 คน และอีกเกือบ 266 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บจากอากาศที่หนาวเย็นจัดจนแทบจะเยือกแข็ง มีจำนวน 542 คน
โดยเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า รัสเซียไม่เคยเจอสภาพอากาศที่หนาวจัดแบบนี้ มาตั้งแต่ปี 1938 จากการที่อุณหภูมิลดต่ำกว่าช่วงฤดูหนาวของปีก่อน ๆ ประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิปกติของรัสเซียในช่วงฤดูหนาวอยู่แล้ว ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา อุณหภูมิในกรุงมอสโคว์ อยู่ที่ลบ 17-18 องศาเซลเซียส และคาดว่าอากาศที่หนาวจัดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งครั้งรุนแรงทำลายสถิติครั้งนี้จะต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 3 วัน ขณะที่เทอร์โมมิเตอร์ในไซบีเรีย วัดอุณหภูมิได้ ลบ 50 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าผิดปกติอย่างยิ่งสำหรับอากาศในเดือนธันวาคม
ทั้งนี้ กระทรวงป้องกันภัยฉุกเฉินได้ประกาศเตือนประชาชนใน 15 ภูมิภาค ให้เฝ้าระวังระดับสูงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กระแสไฟฟ้าและการติตต่อสื่อสารอาจถูกรบกวน นอกจากนี้ มีรายงานจากทั่วประเทศว่า มีความเป็นไปได้ที่ท่อส่งความร้อน (heat pipelines) จะแตกเนื่องจากความเย็นจัด โดยเฉพาะที่เมืองซามาร่า ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ที่ท่อส่งความร้อนแตกไปหลายท่อ ทำให้หลายร้อยครัวเรือน รวมถึงบ้านเด็กกำพร้าและบ้านพักคนชราต่าง ๆ ไม่มีเครื่องทำความร้อน ต้องทนกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด
นอกจากนี้ อากาศหนาวจัดที่มาพร้อมกับหิมะตก ได้รบกวนเส้นทางการบินทั่วประเทศ และทำให้การจราจรบนถนนติดขัดอย่างหนัก ในเมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน พบว่า ถนนทางหลวงบางสายต้องปิดการสัญจรเพราะหิมะตกหนักมา 2 วันแล้ว ส่งผลต่อการจราจรอย่างรุนแรง อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยา ได้ทำนายว่า อุณหภูมิจะลดลงอีกในกรุงมอสโคว์ถึงขั้นติดลบ 25 องศาเซลเซียส และคาดว่าจะหิมะจะตกหนากว่านี้