ดร.เสรี สับเละ ช่อง 3 ถอดละครเหนือเมฆ 2 ผิดปกติชัด แต่ตายไปก็คงไร้คำตอบ เหตุ น้ำท่วมปาก เพราะไม่อยากมีปัญหากับรัฐ ชี้ เหมือนคนลักลอบได้เสียกัน ไม่เจาะรูดูก็ไม่รู้
เมื่อวันที่ 13 มกราคม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดเสวนาหัวข้อ "เหนือเมฆ 2 บทบาทและความรับผิดชอบของสื่อต่อสังคม" โดยมี รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชน, นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย และ นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล อดีตผู้ดำเนินรายการชูรักชูรส ช่อง 3 เข้าร่วมการเสวนา
ทั้งนี้ ตอนหนึ่งของการเสวนา รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ระบุว่า สังคมกำลังตั้งคำถามว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการถอดละครเรื่องเหนือเมฆ 2 ออกจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 อย่างกะทันหัน ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าถึงตายไปก็คงไม่ได้คำตอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน
"ต่อให้ถามจนกระทั่งพวกเราทั้งหมดในประเทศไทยตายไป ก็ไม่มีวันจะได้คำตอบ มันก็เหมือนคนที่แอบลักลอบได้เสียกัน ถ้าเราไม่ไปเจาะรูดูเขาเนี่ย เราไม่มีทางรู้เลย แต่ลองหันมองย้อนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะรู้เองว่า คำตอบมันมีให้เห็นอยู่แล้วว่าช่อง 3 ไม่ได้เซ็นเซอร์ตัวเอง เพราะอยากทำเองอย่างแน่นอน" รศ.ดร.เสรี กล่าว
นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน ยังบอกอีกว่า การถอดละครเหนือเมฆ 2 นั้นเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะละครที่ช่อง 3 นำมาฉายออนแอร์สู่สาธารณะนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการฉายละครแบบสต็อก คือจะเป็นละครที่มีการถ่ายทำจนเสร็จสิ้น จึงมีการนำออกมาฉาย ไม่ใช่เป็นละครประเภทถ่ายไปพร้อมฉายออนแอร์ควบคู่ไปด้วย
รศ.ดร.เสรี ยังอธิบายด้วยว่า กรรมวิธีก่อนที่จะมาเผยแพร่สู่สาธารณะนั้น จะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ที่ทางผู้ใหญ่ของช่อง 3 จะได้พิจารณาละครเรื่องนี้ว่า มีความเหมาะสมที่จะสามารถออนแอร์ได้หรือไม่ เช่น การตรวจสอบบทละคร ช่วงการถ่ายทำละคร หรือนำเรื่องย่อและภาพต่าง ๆ ลงในนิตยสารของทางช่อง 3 เอง ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้ต้องผ่านการตรวจสอบของผู้ใหญ่ในช่อง 3 รวมถึงละครเรื่องเหนือเมฆ 2 ถูกเลือกให้ฉาย 3 วัน ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่โฆษณาลงมากที่สุด ตรงนี้แสดงว่าทางช่อง 3 ได้มีการไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วว่าละครเรื่องนี้ต้องขายโฆษณาได้เป็นอย่างดี จึงเลือกลงในเวลาดังกล่าว และรู้ถึงผลที่จะตามมา
"ที่หลายฝ่ายมองว่าการถอดละครเรื่องเหนือเมฆ 2 อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องสัมปทานของทางช่อง 3 หากมองในแง่มุมทางธุรกิจ ก็ถือว่าน่าเห็นใจ เพราะทางช่องอาจจะกลัวการแทรกแซงในอนาคต แต่อยู่ในสถานภาพน้ำท่วมปาก เพราะเป็นนักธุรกิจจึงไม่อยากมีปัญหากับนักการเมือง เพราะหากฝ่ายผู้มีอำนาจจะหาเรื่องยกเลิกสัมปทานของช่อง 3 คงไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ถ้ามองในเชิงสังคมแล้วช่อง 3 เลือกที่จะถูกประณามเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือความมั่นคงของสัมปทานเพียงอย่างเดียว ถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้" ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสารมวลชน นี้ระบุ
รศ.ดร.เสรี กล่าวต่อไปว่า การมีอยู่ของสื่อมวลชนไม่ใช่แค่รอขายโฆษณาอย่างเดียว แต่สื่อมวลชนเปรียบเสมือนเป็นครูของสังคม ฉะนั้นทางช่อง 3 ควรจะคิดถึงศักดิ์ศรีของความเป็นครูไว้ด้วย แม้ท้ายที่สุดแม้จะเอาผิดทางกฎหมายไม่ได้ แต่ประชาชนก็สามารถแบนสินค้า หรือไม่ดูละครช่อง 3 ได้ รวมทั้งสมาคมสื่อฯ ควรจะมีการหยิบยกเรื่องจริยธรรมของวิชาชีพสื่อเข้ามาตรวจสอบ เพื่อทำให้ช่อง 3 รู้สึกตัวต่อสิ่งที่ได้ทำไป
ส่วนเรื่องที่การถอดละครเหนือเมฆ 2 ถูกเชื่อมโยงไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในต่างแดน ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนั้น รศ.ดร.เสรี บอกว่า รู้สึกแปลกใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าท้ายที่สุด ตั้งคำถามไปอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ก็กล่าวปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องทุกครั้งในทุกกรณี ทั้งการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการต่าง ๆ ภายในรัฐบาล แต่ทางอดีตนายกฯ ก็จะรับสารภาพด้านนอกอยู่เสมอ โดยเฉพาะการโฟนอินเข้ามาในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
