เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
ดร.สุธี เตือนอันตรายพายุสุริยะ ชี้รังสียูวี เข้มข้นและแรงกว่าปกติหลายร้อยเท่า อีกทั้งยังทำให้ระบบการสื่อสารล่ม มีสัญญาณรบกวน
วานนี้ (28 มกราคม) รศ.ดร.สุธี อักษรกิตติ์ ประธานกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เปิดเผยถึงเรื่องพายุสุริยะว่า จริง ๆ แล้วพายุสุริยะก็มีข้อควรระวังที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ โดยทุกครั้งที่เกิดระเบิด จะมีปรากฏการณ์ 2 อย่าง คือ..
1. การแผ่รังสีเข้มข้น, คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, รังสียูวี รวมถึง รังสีคอสมิก ที่จะมาถึงโลกใน 8 นาที ซึ่งเป็นความเร็วเท่าแสง โดยรังสียูวีที่ปล่อยออกมาจะเข้มข้นสูงกว่าปกติหลายร้อยเท่าเลยทีเดียว
2. ดวงอาทิตย์จะพ่นอนุภาคความเร็วสูง หรือประจุไฟฟ้าขั้วบวก-ขั้วลบ ซึ่งจะเดินทางมาถึงอย่างน้อย 16 นาที ทั้งนี้ อนุภาคดังกล่าวมีอันตรายกับร่างกายมนุษย์ เห็นได้จากมนุษย์อวกาศที่ออกไปนอกโลกต้องสวมชุดป้องกัน แต่อนุภาคเหล่านี้ ไม่สามารถผ่านมาถึงพื้นโลกได้ เพราะถูกสนามแม่เหล็กโลกป้องกันไว้ แต่จะเบี่ยงเบนไปตามโค้งของโลก พร้อมกับหมุนเป็นเกลียวจากขั้วโลกเหนือไปทางขั้วโลกใต้ และเบาบางลงเมื่อผ่านเส้นศูนย์สูตร
ถึงแม้อนุภาคความเร็วสูง จะไม่สามารถทำอันตรายกับโลกได้ แต่ขณะที่วิ่งผ่านชั้นไอโอโนสเฟียร์ หรือชั้นบรรยากาศที่มีประจุไฟฟ้า เปรียบได้กับเพดานไฟฟ้า จะทำให้ชั้นบรรยากาศนี้ที่สูงเหนือประเทศไทย 350 กิโลเมตร เกิดแรงกระเพื่อม ส่งผลให้ระบบการสื่อสารล่ม เกิดสัญญาณรบกวน ในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับดาวเทียมที่อยู่สูงกว่าโลกถึง 36,000 กิโลเมตร ที่ได้รับผลโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ประธานกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าวต่อว่า รังสียูวีที่สามารถผ่านทะลุชั้นสนามแม่เหล็กมายังโลกได้นั้น เมื่อถูกร่างกายมนุษย์ก็จะสะสมทำให้เกิดโรคมะเร็งทางผิวหนังได้ โดยเฉพาะชาวนา ชาวไร่ หรือนักกอล์ฟ ที่สวมเสื้่อแขนสั้น หรือผู้ที่จำเป็นต้องอยู่กลางแจ้งนาน ๆ ควรสวมเสื้อแขนยาว สีน้ำเงินเข้มที่กรองยูวีได้อย่างมีคุณภาพมากกว่าโลชั่น นอกจากนี้ รังสียูวียังมีผลต่อดวงตา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคต้อกระจกได้
ท้ายนี้ รศ.ดร.สุธี กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว แต่จำเป็นที่จะต้องแจ้งให้ทราบเพื่อจะได้ระวัง และป้องกันไว้ พร้อมอยากจะเสนอแนะให้ประเทศไทยควรติดตั้งเครื่องตรวจวัดรังสียูวี ซึ่งมีหลายประเทศทำไว้แล้วด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
