x close

ทัศนะ ราตรี หลังได้อิสรภาพ หวังลดความตึงเครียดก่อนสู้คดี

ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์

ทัศนะ ราตรี หลังได้อิสรภาพ หวังลดความตึงเครียดก่อนสู้คดี (ไทยโพสต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  ไทยพีบีเอส 

          น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2556 หลังได้รับอิสรภาพจากเรือนจำกัมพูชา ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งที่สอง เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงการถูกกัมพูชาดำเนินคดีและสั่งจำคุก ซึ่งน.ส.ราตรี ยังย้ำว่าไม่ได้ทำผิด และมองว่าการที่ถูกปล่อยตัวก่อนกำหนด น่าจะเป็นเพราะมีเหตุผลเรื่องการสู้คดีปราสาทพระวิหาร ระหว่างไทยกับกัมพูชาเกี่ยวข้องด้วย

          "ตนเอง และนายวีระ สมความคิด เป็นผู้บริสุทธิ์ ยืนยันว่าไม่ได้บุกรุกกัมพูชาตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา เพราะพื้นที่ซึ่งเข้าไปในวันที่ถูกจับกุมเป็นเขตแผ่นดินของไทย การที่ได้รับการปล่อยตัวก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วต้องได้รับโทษ 2 ใน 3 จึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้นั้น เชื่อว่ามีเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา วิเคราะห์ว่า รัฐบาลไทยต้องการคลี่คลายสถานการณ์ให้ลดความตึงเครียดลง ก่อนจะส่งคนไปชี้แจงที่ศาลในเดือนเมษายนนี้" (น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "สนามข่าว เสาร์-อาทิตย์" ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องทีนิวส์ทีวี เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2556)
  
          ก็เป็นเรื่องน่าคิดกับความคิดและมุมมองของ น.ส.ราตรี ที่เชื่อว่าหลังจากนี้เธอคงออกมาสื่อสารกับสังคมมากขึ้น ในเรื่องปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติเคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องนี้มาตลอด

          รวมทั้งต้องดูด้วยว่าหลังจากนี้ น.ส.ราตรี จะกลับเข้าร่วมเคลื่อนไหวเรื่องนี้กับกลุ่มคนไทยฯ อีกครั้งหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงการแถลงคดีด้วยวาจาของฝ่ายทีมสู้คดีของไทยกับกัมพูชาที่ศาลโลกในช่วงเดือนเมษายน

          ที่หลายคนคาดว่าประเด็นเขาพระวิหารและความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อถึงช่วงนั้นจะเป็นประเด็นร้อนแรงสำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงนั้น

          อย่างไรก็ตาม ตัว น.ส.ราตรี และคนไทยอีกหลายคน ก็ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ วีระ สมความคิด ออกมาจากคุกกัมพูชาให้เร็วที่สุดเช่นกัน แต่ก็มีเสียงเหมือนกับไม่มั่นใจว่า กระทรวงการต่างประเทศจะช่วยเหลือวีระเต็มที่หรือไม่ แม้ล่าสุดฝ่าย "สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" รมว.ต่างประเทศ ได้ย้ำว่า ในส่วนของวีระ ต้องรอให้ได้รับโทษถึง 1 ใน 3 ถึงจะขอพระราชทานอภัยโทษเพื่อให้พ้นโทษได้ แต่รัฐบาลจะหาทางช่วยเหลือเต็มที่

          อย่างไรก็ตาม "สุรพงษ์" ก็ย้ำว่า นักโทษกัมพูชาที่อยู่ในเรือนจำไทย เป็นนักโทษคดียาเสพติด ลักทรัพย์ และเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย แต่กรณีของนายวีระ เป็นโทษคดีความมั่นคงของกัมพูชา ดังนั้น จะต้องลองพูดคุยกับทางกัมพูชาก่อนว่าใช้วิธีการใด

          ท่าทีดังกล่าวของสุรพงษ์ ที่ย้ำว่าต้องดูเงื่อนไขเรื่องสถานะนักโทษกัมพูชาที่ถูกขังในไทย กับกรณีของวีระ ก็เพราะมีการเสนอแนวทางออกมาจากบางฝ่าย เรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความสัมพันธ์ทางการทูตอันดีของรัฐบาล กับฮุน เซน รวมถึงช่องทางกฎหมายมาช่วยเหลือวีระ เช่น

          1. เจรจากับรัฐบาลกัมพูชา ให้ลดโทษให้นายวีระลงมากที่สุด เพื่อให้เข้าเกณฑ์การขออภัยโทษ เช่น ตอนนี้วีระเหลือโทษจำคุก 8 ปี หากเจรจาลดโทษให้เหลือ 3 ปีได้ ก็จะเข้าข่ายถูกจำคุก 2 ใน 3 และเข้าเกณฑ์การขอพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจากขณะนี้นายวีระ ถูกจำคุกมากว่า 2 ปีแล้ว

          2. เจรจาลดโทษให้เข้าเกณฑ์การโอนตัวนักโทษให้เข้ามาจำคุกในประเทศไทย 

          ดูแล้วกรณีของวีระ คงต้องรอไปอีกสักระยะ แม้ต่อให้รัฐบาลพยายามหาทางช่วยเหลือเต็มที่แล้ว แต่ก็ต้องดูด้วยว่า จริงไหมที่รัฐบาลจะช่วยเหลือเต็มที่

          ขณะที่คำกล่าวของ น.ส.ราตรี ที่ว่า การที่เธอได้รับการปล่อยตัวออกมา เชื่อว่ามีเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทนกันระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา และเป็นเรื่องของการลดความตึงเครียดก่อนจะมีการสู้คดีที่ศาลโลกในเดือนเมษายน การวิเคราะห์ของราตรีจะจริงหรือไม่จริง คงต้องช่วยกันจับตามองต่อไป







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทัศนะ ราตรี หลังได้อิสรภาพ หวังลดความตึงเครียดก่อนสู้คดี โพสต์เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 17:34:29 1,607 อ่าน
TOP