x close

ธาริต เผยหลักฐานเด็ด เรียกอภิสิทธิ์ชี้แจง เหมาสัญญาสร้างโรงพัก




ธาริต เพ็งดิษฐ์

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


       ธา ริต แฉ หลักฐานสำคัญว่า ผู้รับเหมาเคยรวมตัวยื่นหนังสือคัดค้านถึงนายอภิสิทธิ์ กรณีจะรวมสัญญาสร้างโรงพักแล้วแต่ไม่เป็นผล เตรียมเรียกอภิสิทธิ์แจงข้อเท็จจริง

       วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ  แถลง ข่าวประจำสัปดาห์กรณีความคืบหน้าการสอบสวนโครงการก่อสร้างอาคารสถานีตำรวจ (ทดแทน) และการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ล่าสุดดีเอสไอพบหลักฐานสำคัญว่าก่อนหน้าที่จะมีการยกเลิกคำสั่งอนุมัติก่อ สร้าง จากรายกองบัญชาการ 1-9 มาเป็นการประมูลแบบรวมสัญญา บริษัทผู้รับเหมาเคยรวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลสตช.ในขณะนั้นแล้ว
      

       โดยเนื้อหาสาระสำคัญในหนังสือคัดค้าน ระบุว่า หาก สตช. จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเดิมจากการประมูลรายภาคมาเป็นสัญญาเดียวทั้ง 2 โครงการ ก็ขอให้นายกฯอย่าได้ลงนามอนุมัติหรือเห็นชอบโดยเด็ดขาด เพราะการจัดซื้อจัดจ้างวิธีดังกล่าวจะเป็นการกีดกันผู้รับจ้างในส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้รับจ้างส่วนใหญ่ของประเทศ นายกฯเห็นชอบและอนุมัติจะเป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้าง เพียงรายเดียวทันที เพราะผู้รับจ้างในภูมิภาคมีผลงานการก่อสร้างและวงเงินค้ำประกันสัญญาไม่สูง พอที่จะรับงาน อีกทั้งการก่อสร้างโดยรวมเพียงสัญญาเดียวไม่สามารถก่อสร้างอาคารในสถานที่ ห่างไกลทั่วประเทศได้ภายในระยะเวลาพร้อมกัน

       นายธาริต ยังกล่าวต่อว่า ในหนังสือฉบับดังกล่าวยังยกตัวอย่างความล้มเหลวการจัดจ้างแบบรวบสัญญาที่สตช.เคยประสบมาแล้ว คือ แฟลตตำรวจที่มอบหมายให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการแล้วไม่สามารถแล้วเสร็จตาม สัญญา เช่น ในจังหวัดภาคเหนือและชายแดนภาคใต้ที่ใช้เวลาก่อสร้างนาน 4-5 ปี อีกทั้งที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานหรือกระทรวงใดใช้แนวทางจัดจ้างแบบรวมงบประมาณ เป็นสัญญาเดียว

       สำหรับหนังสือฉบับดังกล่าวมีการเข้าชื่อกันรวม 8 บริษัท โดยชื่อแรกที่ร่วมคัดค้านคือบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทั้งนี้ ดีเอสไอจึงเห็นควรว่าจำเป็นต้องเรียกนายอภิสิทธิ์เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเช่น กัน และหากพบว่ามีมูลความผิดก็ต้องส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนต่อไป

       นายธาริต กล่าวต่อว่า หลัง ได้รับเรื่องร้องทุกข์ซึ่งดีเอสไอยังพบการกระทำความผิดเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกง ซึ่งล่าสุดมีบริษัทรับเหมาช่วง 5 บริษัท เข้ามาให้ถ้อยคำและร้องทุกข์ฐานฉ้อโกงกับบริษัท พีซีซีฯ ซึ่งมีพฤติการณ์ทั้งฉ้อโกงงบประมาณสตช.ที่มีการเบิกจ่ายไปแล้วมากกว่า 1,500 ล้านบาท รวมถึงฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง ด้วยการจ่ายเงินไม่ครบ หรือไม่จ่ายเงินค่าจ้าง แต่ได้งานไปของบจากสตช.เพิ่ม จากกรณีดังกล่าวดีเอสไอจึงได้อนุมัติให้สอบสวนกรณีฉ้อโกงเป็นคดีพิเศษทันที โดยเชื่อว่ายังมีผู้รับเหมาอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้ร้องทุกข์ ซึ่งดีเอสไอขอให้มาร้องทุกข์ต่อเนื่องได้ทันที

       อย่างก็ตาม เนื่องจากการสอบสวนพบข้อเท็จจริงพอสมควรว่ามีการหลอกลวง ปกปิดข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้มาซึ่งงบประมาณของสตช.ในวันนี้จึงได้ทำหนังสือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ในฐานะที่สตช.เป็นเสียหายโดยตรงเข้ามาร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกงกับดีเอสไออย่าง เป็นทางการ ส่วนการสอบสวนว่ามีนักการเมืองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแล้วหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า จากการสอบสวนพบมีข้อมูลบางอย่างเชื่อมโยงกันแต่ดีเอสไอยังไม่ขอเปิดเผยเพราะ เกรงว่าพยานจะไม่ได้รับความปลอดภัยและอาจกระทบกับรูปคดี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ธาริต เผยหลักฐานเด็ด เรียกอภิสิทธิ์ชี้แจง เหมาสัญญาสร้างโรงพัก โพสต์เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 17:30:43 1,776 อ่าน
TOP